“ใน 1 วันมี 24 ชั่วโมง เรานอนไปแล้ว 8 ชั่วโมง เหลืออีก 16 ชั่วโมงที่เราตื่น และพบว่าหลายคนใช้เวลามากว่า 8 ชั่วโมงทำงาน เท่ากับว่า โลกการทํางานคือกินเวลาเกินครึ่งหนึ่งของชีวิตตอนตื่นไปแล้ว”

เป็นเรื่องปกติ ที่ทุกคนต่างหาความสุขให้ตัวเองอยู่เสมอ แม้ในขณะที่ทำงานอยู่ คำว่า ‘ความสุขในที่ทำงาน’ จึงเป็นประเด็นที่คนหันมาให้ความสนใจมากขึ้น โดยพนักงานในยุคนี้คาดหวังว่าที่ทำงานจะสามารถตอบสนองความต้องการตรงนี้ผ่านสวัสดิการที่ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดี และเงินเดือนที่สมเหตุสมผล

ฝั่งองค์กรเองก็ไม่ได้นิ่งเฉย เมื่อพนักงานมีความต้องการด้านความเป็นอยู่ที่ดี เราจึงได้เห็นองค์กรน้อยใหญ่แข่งกันออกสวัสดิการเอาใจพนักงานมากมาย เช่น การอนุญาตให้พนักงานที่เข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศสามารถลาพักฟื้นแยกส่วนออกมาจากการลาป่วยปกติ หรือการเพิ่มวันลาที่ครอบคลุมมากขึ้น เช่น การลาหยุดเพราะสัตว์เลี้ยงเสียชีวิต เป็นต้น

นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน ที่ไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศทุกวันอีกต่อไป หรือการสนับสนุนค่าใช้จ่าย ไปจนถึงเทคโนโลยีที่สนับสนุนการทำงานให้ดีขึ้น

💭 แม้สวัสดิการของบริษัทในยุคนี้จะดูครอบคลุมมากขึ้น แต่มันตรงกับความต้องการของพนักงานจริงๆ หรือเปล่า?

เรื่องนี้ aomMONEY ได้ไปเจอผลสำรวจที่น่าสนใจจาก SC Asset ที่เขาสำรวจพนักงานจากสายอาชีพต่างๆ จำนวน 555 คน จากทั้งองค์กรขนาดเล็ก และใหญ่ในไทย มาดูกันว่า 3 อันดับแรก ของสวัสดิการที่พนักงานต้องการมากที่สุดคืออะไรบ้าง

💊 อันดับ 1 สวัสดิการด้านประกันสุขภาพ

“การไม่มีโรค คือลาภอันประเสริฐ” แต่ถ้าเกิดโรคขึ้นมา ก็อยากให้มีคนดูแลด้วย ทำให้ ‘ประกันสุขภาพ’ คือสวัสดิการอันดับหนึ่งที่พนักงานเห็นพ้องต้องกันว่าสำคัญที่สุด เพราะอย่างที่เรารู้กันว่าค่าใช้จ่ายทางการแพทย์นั้นไม่ใช่น้อยๆ พนักงานจึงอาจลังเลที่จะไปพบแพทย์ เมื่อเกิดการเจ็บป่วย เพราะกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งอาจกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานได้

🚑 อันดับ 2 สวัสดิการด้านประกันชีวิต และอุบัติเหตุ

ต่อเนื่องจากสวัสดิการประกันสุขภาพ สวัสดิการด้านประกันชีวิต และอุบัติเหตุตามมาติดๆ เป็นอันดับที่ 2 ทำให้เห็นว่าสิ่งที่จะสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้พนักงานได้ คือความมั่นคง และความปลอดภัยในชีวิต สามารถมาทำงานได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันจนต้องเสียเงินก้อนใหญ่ในคราวเดียว เพราะมีบริษัทคอยเป็นแบ็คหนุนหลังให้

นอกจากนี้ หลายคนทำงานหนัก อดหลับอดนอน จนร่างกายเริ่มไม่ไหว แม้จะเลี่ยงการทำงานหนักไม่ได้ แต่อย่างน้อยพนักงานก็มองหาความอุ่นใจ ว่าหากเป็นอะไรไป อย่างน้อยก็ได้อะไรตอบแทนกลับมาบ้าง

💸 อันดับ 3 สวัสดิการโบนัส และเงินพิเศษตามโอกาสต่าง ๆ

การสำรวจพบว่า แม้จะได้เงินเดือนเท่าไหร่ การที่บริษัทมีโบนัสพิเศษให้พนักงาน ก็ทำให้พนักงานมีกำลังใจในการทำงานได้เป็นอย่างดี เพราะทำให้พนักงานรู้สึกว่าได้รับ ‘ผลตอบแทน’ จากการทุ่มเทร่างกาย และหัวใจให้มาตลอดทั้งปี

💰 สวัสดิการดีไม่พอ เงินเดือนต้อง ‘เหมาะสม’ ด้วย

พนักงานกว่า 60.9% กล่าวว่าเงินเดือนมีผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน และคุณภาพของผลงาน ทั้งยังเป็นปัจจัยอันดับแรกๆ ที่พนักงานจะตัดสินใจเข้าทำงานที่บริษัทแห่งนั้นด้วย แต่ก็ต้องบอกว่าเรื่องเงินนั้นถูกมองว่าเป็นเรื่อง ‘ละเอียดอ่อน’ โดยผลสำรวจยังพบด้วยว่า ‘เงินเดือน’ คือหัวข้ออันดับหนึ่งที่ห้ามพูดในที่ทำงาน

ทั้งนี้ อยากให้ทุกคนรู้ว่า เรามีสิทธิ์ที่จะได้รับเงินเดือนตามความเหมาะสมด้วย เพราะการที่องค์กรจะมอบหมายงานเกินหน้าที่ และตำแหน่ง ก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นการเอาเปรียบพนักงานเช่นกัน

แต่ก็มีมุมมองจากพนักงานอีกฝั่งกว่า 39.6% ที่น่าสนใจ โดยพนักงานกลุ่มนี้มองว่า ต่อให้ได้รับเงินเดือนแค่ไหนก็ตาม ก็ควรทํางานที่ได้รับมอบหมายให้เต็มที่ และดีที่สุด เพราะเป็นโอกาสในการท้าทายตัวเอง เพื่อเรียนรู้ และพัฒนาทักษะจากประสบการณ์ที่ได้เจอ

ทั้งสองความคิดเห็นนี้ไม่มีผิด ไม่มีถูก แต่เป็นทัศนคติ และมุมมองการทำงานที่แตกต่างกันเท่านั้น ฝั่งองค์กรเองก็ต้องเข้าใจด้วยว่า มนุษย์อาจมีสิ่งที่เหนือกว่าเงินเป็นแรงจูงใจ แต่สุดท้ายมนุษย์ทุกคนมีขีดจํากัดทั้งทางร่างกาย และจิตใจ

เพราะส่วนหนึ่งของชีวิตพนักงาน ก็อยู่ที่องค์กร หลายคนแทบจะกินนอนที่ออฟฟิศ โหมงานหนัก เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดี ซึ่งก็ส่งผลดีต่อบริษัทตามมา ฝั่งองค์กรเองก็อาจพิจารณาเรื่องความสำคัญของสวัสดิการ และเงินโบนัสที่เหมาะสมกับพนักงานเพื่อเป็นการตอบแทนการทำงานอย่างเต็มที่ ก็จะสร้างความสุขใจให้ทั้งสองฝ่ายได้อยู่ร่วมกันไปนานๆ

เรียบเรียง: ชลทิศ ทองไพจิตร
ภาพ: ภควดี เขมะพานิช