ใครจะไปคิดว่าแค่ความคิดอยากปลูกผักให้แม่ทาน จะกลายเป็นไอเดียที่นำไปสู่ ‘ธุรกิจพันล้าน’ อย่าง ‘บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด’ ที่มีแบรนด์ร้านอาหารชื่อดังอย่าง ‘โอ้กะจู๋’ โดย คุณอู๋-ชลากร เอกชัยพัฒนกุล และ คุณโจ้- จิรายุทธ ภูวพูนผล ร่วมกับผู้ก่อตั้งอีกหนึ่งคน ซึ่งชื่อร้านโอ้กะจู๋ ก็มีที่มาจากการผวนคำในชื่อของคุณอู๋ และคุณโจ้นั่นเอง

ด้วยแนวคิดการส่งต่ออาหารที่ดีต่อสุขภาพ และอร่อย มีความหลากหลาย ผ่านการคิดออกแบบอย่างละเอียดถี่ถ้วน ทำให้โอ้กะจู๋ได้ผลตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า อย่างล้นหลาม ทั้งยังเข้าตายักษ์ใหญ่อย่าง OR หรือเครือปตท. เข้าอย่างจัง จนในตอนนี้ แบรนด์โอ้กะจู๋ ภายใต้บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด ร่วมทัพกับเครือ OP ก็เตรียมเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่จะตบเท้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยเตรียมขายหุ้น IPO เร็วๆ นี้

วันนี้ aomMONEY จึงอยากชวนไปเจาะกลยุทธ์สู่ความสำเร็จของแบรนด์โอ้กะจู๋กัน

⌛ กฎเหล็ก: เก็บจากฟาร์ม ต้องถึงจานภายใน 28 ชั่วโมง

ความน่าสนใจของแบรนด์โอ้กะจู๋ คือการชูจุดเด่นเรื่องคุณภาพของผลผลิต เริ่มตั้งแต่การทำสวนผักด้วยตนเอง 5 แห่ง ในจังหวัดเชียงใหม่ เนื้อที่รวม 380 ไร่ โดยมีผักขึ้นชื่อในหมู่คนรักสุขภาพมากมายกว่า 30 ชนิด ด้วยระบบการควบคุมคุณภาพของผักตั้งแต่เริ่มปลูกจนเสิร์ฟในจานอาหาร และได้รับการรับรองมาตรฐาน IFOAM, USDA Organic และมาตรฐานเกษตรอินทรีย์สหภาพยุโรป

นอกจากนี้ เขายังมีกฎเหล็กเลยว่า “จากฟาร์มถึงจาน ผักที่เก็บเกี่ยวขึ้นมาจะต้องอยู่ในช่วงระยะเวลาเพียง 28 ชั่วโมงเท่านั้น” เพื่อให้ลูกค้าได้คุณค่าทางสารอาหารสูงสุด

โอ้กะจู๋ยึดหลักแนวคิด ‘รับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม’ อย่างแน่วแน่ โดยเลือกจับมือเป็นพันธมิตรกับเกษตรกรในพื้นที่ ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการควบคุมคุณภาพของผลผลิต แต่ยังส่งเสริมอาชีพของเกษตรกร และยังมีโครงการส่งเสริมเกษตรกรอื่นๆ อีกมากมาย เช่น การส่งเสริมให้ชาวบ้านบนดอยอินทนนท์ได้ปลูกผักแบบอินทรีย์ปลอดสารพิษ

🥬 ไม่ได้มีแค่ผัก แต่ออกแบบเมนูมาสำหรับทุกคน 🥩

ปกติคนทั่วไปมักจำแบรนด์โอ้กะจู๋ได้จากเมนูผักประเภทต่างๆ แต่จริงๆ แล้วเมนูในโอ้กะจู๋นั้นมีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ‘ซี่โครงสะพานโค้ง เสิร์ฟคู่กับผักออร์แกนิก’ เมนูสเต๊กหมูหอมกรุ่นเข้ากันดีกับผักสดสะอาด หรือ ‘เลดี้ริบส์โอ้กะจู๋’ ที่เสิร์ฟในสไตล์สลัดกรีนโบว์ลเพื่อสุขภาพ นอกจากอาหารแล้ว ยังมีน้ำผักสกัดเย็นจากผักและผลไม้สดๆ อีกด้วย

💰 ความสำเร็จด้านผลกำไรของ ‘บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด’

➡️ ปี 2563: รายได้ 836.8 ล้านบาท กำไร 33 ล้านบาท
➡️ ปี 2564: รายได้ 803 ล้านบาท ขาดทุน 83.4 ล้านบาท
➡️ ปี 2565: รายได้ 1,214.9 ล้านบาท กำไร 38.3 ล้านบาท

ที่มา: กรมพัฒนาธุรกิจการค้า

ปัจจุบันธุรกิจบริการ และจําหน่ายอาหารภายใต้แบรนด์ ‘โอ้กะจู๋’ ร่วมทัพกับคาเฟ่ Amazon จากเครือ OR จะแบ่งออกเป็น 4 ช่องทาง คือ

🍽️ Full-service Restaurant: ร้านอาหารที่บริการเต็มรูปแบบ จำหน่ายอาหารปรุงสดใหม่ มีบริการ Drive Thru, จัดทำ Snack box และสั่งอาหารออนไลน์ มี 30 สาขาในเชียงใหม่ กรุงเทพฯ ปริมณฑล ระยอง และชลบุรี

🍽️ Delivery and Kiosk: ร้านอาหารเพื่อสุขภาพ เน้นขายแบบ Delivery และ Grab & Go รวมถึงสั่งผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ มี 4 สาขาในกรุงเทพฯ

🍽️ Cafe Amazon: จำหน่ายอาหารว่าง และอาหารสุขภาพ เช่น แซนด์วิช สลัดผักแร็พ ใน Cafe Amazon ประมาณ 300 สาขาในกรุงเทพฯ ปริมณฑล ภาคกลาง และภาคตะวันออก

🍽️ Supermarket: จำหน่ายผลผลิต เช่น ผักผลไม้ สลัดพร้อมทาน ในซูเปอร์มาร์เก็ต 9 สาขาในเชียงใหม่ และกรุงเทพฯ

ซึ่งนอกจาก 4 ช่องทางนี้แล้ว โอ้กะจู๋ ยังเตรียมเปิดช่องทางใหม่อีก 2 ช่องทาง คือ Quick Service Restaurant (QSR) ภายใต้แบรนด์ ‘Ohkajhu Wrap & Roll’ กำลังจะเปิดตัว จำหน่ายสลัดแร็พ แซนด์วิช เบอร์เกอร์ แบบ Grab & Go คาดว่าจะเปิดสาขาแรกในไตรมาส 2 ปี 2567 และร้านน้ำผักผลไม้เพื่อสุขภาพ ‘Oh Juice’ สำหรับทุกวัย คาดว่าจะเปิดสาขาแรกในไตรมาส 2 ปี 2567 เช่นกัน

ความสำเร็จของโอ้กะจู๋สะท้อนให้เห็นว่า การทำธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพที่โตมาจากรากฐานแห่งความตั้งใจดี ทั้งต่อผู้บริโภค ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

การขายหุ้น IPO ในนาม ‘OKJ’ กว่า 159 ล้านหุ้น ในครั้งนี้ เรียกได้ว่าจะเป็นการยกระดับโอ้กะจู๋ให้ก้าวสู่อีกขั้นของการเป็นร้านอาหารเพื่อสุขภาพชั้นนำ ที่ใครๆ ก็อยากลอง เพราะนอกจากอิ่มท้องแล้ว ยังอิ่มใจไปกับการมีส่วนร่วมในความยั่งยืนของโลกใบนี้ด้วย

ภาพ: ภควดี เขมะพานิช
เขียน: ชลทิศ ทองไพจิตร