‘อาหารญี่ปุ่น’ เป็นวัฒนธรรมที่มีการสืบทอดประวัติศาสตร์กันมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นรสชาติ หรือรูปลักษณ์ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของยูเนสโกในปี 2013 ด้วย

ลักษณะโดดเด่นที่สุดของอาหารญี่ปุ่นคือการแสดงออกถึง ‘ฤดูกาล’ โดยมักมีการเลือกเครื่องปรุงที่เข้ากับฤดูกาล หรือวัตถุดิบที่เหมาะสมกับการฉลองงานประจำปี โดยยึดหลัก ‘อิจิจูซันไซ’ (ซุป 1 อย่าง กับข้าว 3 อย่าง) เป็นพื้นฐานในทุกมื้อ

❤️ ‘ให้มากกว่าที่ขอ’ จิตวิญญาณชาวญี่ปุ่น ที่โดนใจผู้ก่อตั้งเครือ ‘MAGURO’

นอกจากวัฒนธรรมด้านอาหารแล้ว ญี่ปุ่นเป็นประเทศหนึ่งที่มีจารีต และวัฒนธรรมในการดำเนินชีวิตมากมาย หนึ่งในนั้นคือวัฒนธรรม ‘おもてなし’ (โอะโมะเตนาชิ) หรือ ‘การให้มากกว่าที่ขอ’ หมายถึงการบริการลูกค้าเฉพาะคนนั้น ในเวลานั้น ณ สถานที่นั้นเท่านั้น ไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง มีจุดเริ่มต้นมาจากพิธีชงชาญี่ปุ่น ที่ต้องทำอย่างพิถีพิถัน และกลายเป็นบรรทัดฐานของชาวญี่ปุ่นนับจากนั้น

จิตวิญญาณที่สืบต่อกันมานี้ เรียกความประทับใจจาก ‘คุณเอ๊ะ–รณกาจ ชินสำราญ’ หนึ่งในสี่ผู้ก่อตั้ง เข้าอย่างจัง และเป็นต้นกำเนิดของแบรนด์ ‘MAGURO’ ในเดือนพฤษภาคม ปี 2558 โดยสาขาแรกตั้งอยู่ที่ ‘ชิค รีพับบลิค’ (Chic Republic) สาขาบางนา

“เราเคยทานอาหารญี่ปุ่นแบบต้นตำรับ แล้วรู้สึกประทับใจในคุณค่า และความพิถีพิถันของการปรุงประกอบอาหารในแต่ละเมนู จึงอยากนำประสบการณ์เหล่านั้นมาถ่ายทอดให้คนไทยได้ลิ้มลองกันบ้าง” - คุณเอ๊ะ ให้สัมภาษณ์ กับ ‘Positioning Magazine’

🍣 MAGURO ชูจุดเด่น อาหารญี่ปุ่น 2 สไตล์ ทั้งแบบดั้งเดิม และฟิวชัน

ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป อาหารญี่ปุ่นในยุคปัจจุบันจึงมีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับความชอบของผู้คนในยุคนี้ด้วย เช่น แกงกะหรี่ และข้าวห่อไข่ ซึ่งเป็นการนำวัฒนธรรมตะวันตกผสานกับวัฒนธรรมตะวันออก แต่ยังคงความดั้งเดิมสไตล์ ‘เอโดะมาเอะ’ ซึ่งจะใช้วัตถุดิบจากญี่ปุ่นเท่านั้น เอาไว้ด้วยเช่นกัน

โดยเมนูใน MAGURO จะสร้างสรรค์โดยเคารพความดั้งเดิมของต้นกำเนิดของซูชิ ซึ่งประกอบไปด้วย วัตถุดิบ, ฤดูกาล, เรื่องราว, แหล่งที่มา และรสชาติที่อร่อย

🏙️ เส้นทาง 9 ปี สู่การเปิด 3 แบรนด์ในเครือ บน 25 สาขา

ปัจจุบันเครือ MAGURO แตกไลน์ย่อยออกเป็น 3 แบรนด์ ชูจุดเด่นที่แตกต่างกันไป บน 25 สาขา ทั่วกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล

➡️ 1. มากุโระ (MAGURO)

ร้านอาหารญี่ปุ่น และซูชิที่ชูการใช้วัตถุดิบสดใหม่ คุณภาพสูง ในราคาที่เหมาะสม ในปรัชญา ‘ให้มากกว่าที่ขอ’ สไตล์ญี่ปุ่น ก่อตั้งขึ้นในปี 2558 ปัจจุบันมี 13 สาขา กระจายอยู่ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทั้งยังมีบริการเดลิเวอรี ‘MAGURO Go’

➡️ 2. ซัมติง ทูเก็ทเตอร์ (SSAMTHING TOGETHER)

จุดเด่นของแบรนด์คือ รูปแบบปิ้งย่างสไตล์เกาหลีแบบต้นตำรับ ด้วยรสชาติจัดจ้าน วัตถุดิบคุณภาพสูง ทีมีเมนูหลากหลายให้เลือก ชูวัฒนธรรมการทานอาหารแบบ ‘ซัม’ ของชาวเกาหลี ที่ระหว่างมื้อจะมีการ พูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และสร้างความทรงจำบนโต๊ะอาหาร ก่อตั้งขึ้นในปี 2564 ปัจจุบันมี 6 สาขา ทั่วกรุงเทพฯ

➡️ 3. ฮิโตริ ชาบู (HITORI SHABU)

แตกต่างจาก MAGURO ที่เน้นไปทางซูชิ ด้าน ฮิโตริ ชาบู จะเป็นชาบู และสุกี้ยากี้ต้นตำรับจากญี่ปุ่น ด้วยวัตถุดิบคุณภาพสูง และเทคนิคในการปรุงน้ำซุปจากญี่ปุ่นโดยตรง เปิดให้บริการ 6 สาขา ทั่วกรุงเทพฯ

💰 รายได้ บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

ปี 2564 รายได้ 387.61 ล้านบาท กำไร 9.57 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้ 665.85 ล้านบาท กำไร 31.36 ล้านบาท
ปี 2566 รายได้ 1,045.81 ล้านบาท กำไร 72.47 ล้านบาท

ที่มา: เว็บไซต์ MAGURO

💰 เดินหน้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ

นาย เอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม และผู้ร่วมก่อตั้ง บมจ.มากุโระ กรุ๊ป หรือ MAGURO ระบุว่า ปัจจุบัน MAGURO มีทุนจดทะเบียนกว่า 63 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 126 ล้านหุ้น และมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท

โดยเป็นทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 52.27 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 104.54 ล้านหุ้น และจะเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 34.06 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน 27.03% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออก และเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ซึ่งจะเป็นการเสริมแกร่งให้เครือ MAGURO เดินหน้าเติบโตอย่างมั่นคงขึ้นไปอีก

เรียบเรียง: ชลทิศ ทองไพจิตร
ภาพ: ภควดี เขมะพานิช