ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เป็นที่น่าสังเกตว่า ประเทศจีนเป็นอีกหนึ่งตลาดต่างประเทศที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน เพราะนอกจากศักยภาพจากการเติบโตในประเทศเองแล้ว ยังมีแรงสนับสนุนจากเศรษฐกิจทั่วโลกอีกด้วย แม้ว่าในช่วงกลางปี 2018 ตลาดหุ้นจีนจะถูกกดดันอย่างหนัก จากประเด็นข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ จนทำให้ใครหลายคนกลัวว่า จะเกิดสงครามการค้าในช่วงเวลานั้น

แต่เรื่องราวก็ดูเหมือนจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นจากการเจรจาปัญหาระหว่างกันในช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดยนักลงทุนอย่างเราคงต้องติดตามสถานการณ์ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจจีนยังคงมีการเติบโตที่โดดเด่นกว่าประเทศอื่นๆรวมไปถึงองค์ประกอบต่างๆที่สะท้อนถึงเสถียรภาพที่แข็งแกร่งของประเทศ เช่น 

1. GDP Growth การเติบโตของเศรษฐกิจ

แม้นักวิเคราะห์มองว่า เศรษฐกิจประเทศจีนจะเกิดการชะลอตัวลงในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ตามภาวะการเติบโตเศรษฐกิจทั่วโลก แต่การเติบโตในอัตรา 6-7% ต่อปีนั้น ยังถือว่าสูง เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกัน

นโยบายภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจากการชะลอตัว       

-  นโยบายการเงิน  :  ลดดอกเบี้ย / ลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR)

-  นโยบายการคลัง : ลดภาษี / ออก special bond

2. Household Consumption

สัดส่วนการบริโภคในประเทศถือเป็นปัจจัยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีนนั้นมีอัตราถึง 55 % ของมูลค่า GDP และถ้าอ้างอิงจากการบริโภคที่ผ่านมาของ GDP ในปี 2017 การบริโภคภายในยังถือเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก 

3. Inflation

เงินเฟ้อทรงตัวที่ระดับ 2% ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาและคาดว่าจะค่อยๆปรับขึ้นในช่วงอีก 3-4 ปีข้างหน้า  

4. Foreign Reserves

จีนมีเงินสำรองมากถึง 3 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งช่วยสนับสนุนเสถียรภาพของค่าเงินหยวนในช่วงปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศจีน สำหรับการมีเงินสำรองที่พร้อมรองรับความเสี่ยงเป็นอย่างมาก

ทั้ง 4 องค์ประกอบที่ว่านี้ ถือเป็นปัจจัยที่สะท้อนให้เห็นว่า ประเทศจีนมีศักยภาพในหลายๆ ด้าน ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะผันผวนอยู่บ้าง แต่ด้วยแนวโน้มการเติบโตระยะยาวที่ดีจากปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจมหภาค โครงสร้างประชากรที่เพิ่มขึ้น ความก้าวหน้าทางนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ ที่เข้ามาสนับสนุนธุรกิจของประเทศจีนอยู่ในขณะนี้ ซึ่งจะทำให้อนาคตประเทศจีนยังคงเป็นอีกประเทศที่ได้รับการจับตามองและให้ความสนใจของนักลงทุนอยู่นั่นเอง 

สร้างโอกาสลงทุนกับกองทุน United All China Equity Fund (UCHINA)

จากภาพรวมและปัจจัยของโครงสร้างและทิศทางเศรษฐกิจของประเทศจีน ทำให้นักลงทุนหรือคนที่สนใจจะลงทุนกำลังมองหาช่องทางการลงทุนในประเทศจีนเป็นอย่างมาก นับเป็นโอกาสอันดีที่ทาง UOBAM ได้ออกกองทุนใหม่ สดๆ ร้อนๆ ชื่อ

United All China Equity Fund (UCHINA)

ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ UBS (LUX) Equity SICAV-All China (USD) I-A1-acc (กองทุนหลัก) ที่จดทะเบียนในประเทศลักเซมเบิร์ก และพรี่หนอมอยากจะมาแนะนำกองทุนที่น่าสนใจนี้ครับ

สำหรับจุดเด่นกองทุน UCHINA นี้ อยู่ที่นโยบายการลงทุนที่สามารถลงทุนได้ทั้งหุ้นที่จดทะเบียนทั้งในประเทศจีนและฮ่องกง รวมถึงหุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในประเทศอื่นแต่มีการดำเนินธุรกิจหลักในประเทศจีนอีกด้วยครับผม

นอกจากนโยบายการลงทุนแล้ว ยังมีเรื่องของการบริหารจัดการแบบ Active Management ที่เน้นคัดหุ้นเด่นๆ ไม่ได้กระจายการลงทุนมากนัก ประมาณ 20-50 ตัว (ณ เดือน ธันวาคม กองทุนมีหุ้นในพอร์ตอยู่ 33 ตัว Source: UBS Fund Management)

จากรูปจะเห็นว่า กองทุนมีวิธีการคัดเลือกหุ้นแต่ละตัวอย่างละเอียดจากปัจจัยพื้นฐาน (Bottom-up) ที่มีโอกาสการเติบโตสูงในระยะยาว แถมไม่ได้มีข้อจำกัดว่าจะลงทุนในประเทศ (Onshore) และต่างประเทศ (Offshore) ในสัดส่วนเท่าไรอีกด้วย นั่นแปลว่าทีมผู้จัดการกองทุนสามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีอิสระ (Dynamic) เลยทีเดียวครับ

สำหรับที่มาของหุ้นแต่ละตัวนั้น นอกจากปัจจัยพื้นฐานที่ดี ต้องมีการวิเคราะห์ผ่านเกณฑ์ที่ทีมนักวิเคราะห์กำหนดและถูกนำมาประชุมกันอย่างละเอียด เพื่อเลือกนำมาลงทุนในพอร์ตอีกทีหนึ่งครับ

ถ้าลองดูหุ้น 10 อันดับในพอร์ตของกองทุนหลัก ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา จะเห็นว่ามีทั้งหุ้นใหญ่บางตัวที่เรารู้จักดีครับ อย่างเช่น Alibaba Tencent และมีการกระจายการลงทุนไปในหลากหลายอุตสาหกรรมมากๆ ครับ มีทั้ง กุ้ยโจวเหมาไถ (Kweichow Moutai) ก็เป็นหนึ่งในแบรนด์เหล้าสุดหรูจากจีนที่ถือว่าเป็นเบอร์หนึ่งของบริษัทสุราโลก หรือจะเป็นธุรกิจการศึกษาอย่าง TAL Education Group ที่ไปได้ดีกับการเปิดคลาสสอนพิเศษแบบตัวต่อตัวหลังโรงเรียนเลิกตามเมืองใหญ่ๆ ทั่วประเทศจีนครับ

หุ้น 10 อันดับ ส่วนใหญ่ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคในประเทศ

ปัจจัยภายนอกอย่างเช่น Trade war อาจไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพอร์ตการลงทุนมากนัก

นอกจากนั้นยังมีปัจจัยเรื่องราคาตลาดหุ้นจีนอีกครับ โดยนักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่าค่า Forward P/E (ราคาต่อกำไรที่คาดการณ์ในอนาคต) ที่มองไว้ของตลาดหุ้นจีนยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตอยู่ ซึ่งก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่นำมาพิจารณาความสนใจในประเทศจีนได้เช่นเดียวกันครับ

แล้วผลการตอบแทนที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง?

ทีนี้ลองมาดูข้อมูลเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของตัวกองทุนหลักกับ Benchmark กันบ้างครับ โดยกองทุนนี้เลือกเปรียบเทียบกับดัชนี MSCI All China จากตารารางจะเห็นว่า ทำได้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน สามารถเอาชนะผลตอบแทนตลาดได้ (ผลตอบแทนติดลบน้อยกว่าตลาด) ซึ่งทางกองทุนนี้มีเป้าหมายที่จะสร้างผลตอบแทนให้มากกว่าดัชนีชี้วัด MSCI All China Index มากกว่า 4% (ยังไม่หักค่าธรรมเนียม) ในช่วงระยะเวลา 3-5 ปีข้างหน้านี้ครับ

อย่างที่บอกไปแหละครับว่า ถ้าหากเรามีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของประเทศจีนตามปัจจัยที่ว่ามา นี่ก็เป็นอีกช่วงเวลาที่น่าสนใจการลงทุนเช่นกันครับ

กองทุนนี้เหมาะกับใคร?

กองทุน UCHINA กองทุนหลักมีนโยบายการลงทุนในหุ้น และหลักทรัพย์อื่นที่เกี่ยวข้องกับตราสารทุนที่ออกโดยบริษัทที่จัดตั้งในประเทศจีนและบริษัทอื่นๆ ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดทางเศรษฐกิจกับประเทศจีน โดยการลงทุนจะประกอบด้วยหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ทั้งในประเทศจีน (onshore) และนอกประเทศจีน (offshore) (โปรดศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมในหนังสือชี้ชวน ได้ที่ www.uobam.co.th)

กองทุนนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการกระจายลงทุนไปยังตลาดต่างประเทศ ซึ่งประเทศจีนนั้น ถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสในการลงทุนจากปัจจัยภายในที่แข็งแกร่ง และในช่วงที่ตลาดผันผวนแบบนี้ ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่เราจะเข้าสะสมเพื่อวัตถุประสงค์การลงทุนในระยะยาวครับ

จากประสบการณ์การลงทุนของผมเองในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ได้มีการกระจายการลงทุนในหุ้นจีนเหมือนกันครับ เรียกได้ว่าผ่านทั้งช่วงที่ดี ชนิดขึ้นกันแบบน่าใจหาย และผ่านวิกฤตจากสงครามการค้าในช่วงปีที่แล้วมาอีกระลอกใหญ่ โดยผมเลือกวิธีการลงทุนแบบ DCA (Dollar Cost Average) ในการทยอยสะสมอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ และมองภาพรวมในระยะยาวมากกว่า อีกทั้งผมยังต้องการลดความผันผวนในการลงทุนด้วยครับ

ดังนั้น ถ้าหากเราเป็นนักลงทุนที่เชื่อว่าประเทศจีนจะไปต่อได้ และมองว่าช่วงเวลานี้เป็นโอกาสในการสะสมหุ้นจีนแล้วละก็ การเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนประเทศจีนก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจเช่นกันครับ

เอาล่ะครับ ขายของมาถึงตรงนี้แล้ว ถึงเวลาปิดการขายแล้วครับ สำหรับตอนนี้ทางกองทุน United All China Equity Fund (UCHINA) มีเปิด IPO ตั้งแต่วันที่ 18 – 25 กุมภาพันธ์ 2562  ถ้าหากใครสนใจก็สามารถติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ งานบริการนักลงทุน บลจ. ยูโอบี (ประเทศไทย) โทร 02-786-2222 หรือ www.uobam.co.th

คำเตือน

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะกองทุน นโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานกองทุน ก่อนตัดสินใจลงทุน

กองทุนนี้มีความเสี่ยงจากอัตรา แลกเปลี่ยนที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนในต่างประเทศ ถึงแม้ว่ากองทุนอาจป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนรวม แต่เนื่องจาก กองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้

ผลการดำเนินงานในอดีต/ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

ความเสี่ยงที่สำคัญของกองทุน

1. กองทุนไทยนำเงินไปลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนหลักเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD)  กองทุนนี้จึงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินบาทและสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ทั้งนี้ กองทุนไทยอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ผู้ลงทุนอาจได้รับผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้

2. กองทุนหลักจะนำเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ไปลงทุนในหลักทรัพย์ในรูปสกุลเงินท้องถิ่นของประเทศที่ลงทุน อย่างไรก็ดี กองทุนหลักมิได้ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยง (FX Hedging) ดังนั้น กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ออล ไชน่า อิควิตี้ ฟันด์ จึงมีความเสี่ยงและอาจได้รับผลขาดทุนจากนโยบายดังกล่าวของกองทุนหลัก

3. กองทุนหลักอาจลงทุนใน Credit Default Swap (protection seller) ในอัตราส่วนที่มากกว่าร้อยละ 20 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนต่างประเทศ ทำให้กองทุนรวมนี้มีความเสี่ยงมากกว่ากองทุนรวมอื่น

4. เนื่องจากกองทุนนี้ลงทุนในต่างประเทศ จึงมีความเสี่ยงที่ทางการของต่างประเทศอาจออกมาตรการในภาวะที่เกิดวิกฤตการณ์ที่ไม่ปกติ ทำให้กองทุนไม่สามารถนำเงินกลับเข้ามาในประเทศซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ลงทุนไม่ได้รับเงินคืนตามระยะเวลาที่กำหนด

5. กองทุนมีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ จึงมีความเสี่ยงด้านการเมือง เศรษฐกิจสังคม สภาวะตลาด สภาพคล่อง อัตราแลกเปลี่ยน กฎหมาย และ/หรือข้อจำกัดของประเทศที่กองทุนเข้าไปลงทุน ซึ่งอาจจะส่งผลต่อมูลค่าหน่วยลงทุน และ/หรือสภาพคล่องของกองทุน

6. กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย

บทความนี้เป็น Advertorial