สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกครั้งกับ TAXBugnoms เจ้าเก่ากันอีกแล้ว และช่วงปลายปีแบบนี้ก็ไม่แคล้วจะต้องรับหน้าที่รีวิวกองทุน RMF ที่น่าสนใจให้กับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ กันอย่างเช่นเคยครับ

สำหรับวันนี้เป็นของฝั่ง KAsset กันบ้าง กับ กองทุนเปิดเค Mid Small Cap หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ ( KMSRMF) แหม่.. ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF ดังนั้นก่อนจะดูข้อมูลของกองทุน ผมอยากให้ตั้งคำถามกับตัวเองก่อนครับว่า ทุกวันนี้พอร์ตการลงทุนของเราเป็นอย่างไรบ้าง? มีสินทรัพย์ประเภทไหนในการลงทุน และเป้าหมายในการลงทุนของเราเป็นอย่างไรก่อน แล้วจึงค่อยตัดสินใจลงทุนครับ

ที่ผมพูดแบบนี้ เพราะว่านโยบายการลงทุนของกองทุนนี้คือ “เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก” นั่นเองครับ นั่นแปลว่าถ้าหากเรามีการลงทุนในหุ้นจาก LTF เป็นจำนวนมากอยู่แล้ว เราต้องมาพิจารณาต่อครับว่า จะลงทุนใน RMF ที่ลงทุนในหุ้นอีกเท่าไร จึงจะไม่มากเกินกว่าความเสี่ยงที่เรารับได้ครับ

ซึ่งความน่าสนใจของกองทุนนี้ อยู่ที่ผลตอบแทนในการลงทุนนั่นเองครับ ซึ่งถ้าหากลองเปรียบเทียบดูผลตอบแทนย้อนหลังของกองทุนนี้แล้วล่ะก็จะเห็นว่าสูงมากทีเดียวเลยครับ

ตารางผลการดำเนินงานย้อนหลัง KMSRMF

จะเห็นว่าผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีนั้นอยู่ที่ประมาณ 27.35% ทีเดียว ซึ่งถือว่าสูงเหมือนกันครับ และถ้าหากไปเปรียบเทียบกับผลการดำเนินงานแบบเปอร์เซ็นต์ไทล์ของ AIMC แล้วล่ะก็ จะเห็นว่าผลตอบแทนของกองทุนอยู่สูงกว่าช่วงเปอร์เซ็นต์ไทล์ที่ 5 ของกองทุนรวมหุ้นอีกด้วยครับ และถือว่าสูงกว่าทั้งช่วง 3 เดือน 6 เดือนและ 1 ปีกันเลยทีเดียวครับ

นอกจากนี้ข้อมูลของ Morningstar® ณ วันที่ 30 ต.ค.59 กองทุนยังมีผลตอบแทนในช่วง 1 ปีย้อนหลัง เป็นอันดับ 1 ในกลุ่ม RMF หุ้นขนาดกลางและเล็กอีกด้วย

นอกจากเปอร์เซ็นต์ไทล์ และผลตอบแทนจากหนังสือชี้ชวน รวมถึงข้อมูลจากมอร์นิ่งสตาร์แล้ว ผมลองเอาข้อมูลกองทุนมาเปรียบเทียบกับกองทุน RMF ที่ลงทุนในหุ้น Mid-Small คล้ายๆกัน ก็จะเห็นผลตอบแทนตามรูปด้านล่างนี้ครับ โดยถ้าดูผลตอบแทนช่วงระยะเวลาประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา สำหรับกองทุนที่เพิ่งจัดตั้งไปไม่นานเมื่อ 30 ก.ย.ปี 58 ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกองทุนที่มาแรงเหมือนกันครับ

เอาล่ะครับ นอกจากผลตอบแทนแล้ว ทีนี้เรามาดูนโยบายกันบ้างดีกว่า สำหรับนโยบายของกองทุน KMSRMF นี้ จะเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดทั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (MAI) โดยคัดเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีความมั่นคง มีแนวโน้มการเจริญเติบโตทางธุรกิจ และมีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) ไม่เกิน 50,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กนั่นเอง โดยจะลงทุนในหุ้นในสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิครับ

จากการที่ผมได้พูดคุยสอบถามทางผู้จัดการกองทุนเพิ่มเติม พบว่านโยบายการลงทุนของกองทุน KMSRMF  จะเน้นกลยุทธ์ Buy and Hold โดยถือหุ้นที่เลือกไว้ประมาณ 1 ปีขึ้นไปครับ ซึ่งหุ้นแต่ละตัวที่คัดเลือกนั้นก็ไม่ได้มาเล่นๆครับ เพราะทาง KAsset จะต้องมีการประชุมถกเถียง วิเคราะห์ เพื่อที่จะอนุมัติหุ้นทีละตัวผ่านคณะกรรมการจัดการลงทุนก่อนถึงจะยอมให้เข้ามาอยู่ในพอร์ตการลงทุนของกองทุนได้ครับ

ตัวอย่างหุ้นและกลุ่มธุรกิจจากหนังสือชี้ชวน ณ  31 ตุลาคม 2559

จำนวนเงินขั้นต่ำและค่าธรรมเนียมในการซื้อ

ปัจจุบัน กองทุน KMSRMF กำหนดจำนวนเงินขั้นต่ำในการซื้อหน่วยลงทุนไว้ที่ 500 บาท (สำหรับครั้งแรกและครั้งถัดไป) และตอนนี้มีค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากกองทุน รวมทั้งหมดอยู่ที่ 1.937% ต่อปีของ NAV ครับ (กองทุนยกเว้นค่าธรรมเนียมการขายและรับซื้อคืน)

ทำไมต้องหุ้น Mid Small ? และ ทำไมต้อง RMF

โดยปกติแล้วหุ้น Mid Small ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นที่อยู่นอกดัชนี SET50 ครับ ซึ่งข้อดีของหุ้นประเภทนี้ก็คือโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าหุ้นใหญ่ (Large Cap) เนื่องจากหุ้นขนาดกลางและเล็กยังมีโอกาสในการเติบโตที่สูง รวมถึงยังมีแนวโน้มที่จะโตไปเป็นหุ้นขนาดใหญ่ในอนาคตนั่นเองครับ แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องขอเตือนไว้ว่าใครที่คิดจะลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ ย่อมต้องเจอกับความผันผวนของ หุ้นกลุ่ม Mid to Small Cap ที่ราคาค่อนข้างจะเคลื่อนไหววูบวาบให้ใจเราสั่นพอสมควรครับ

สำหรับคนที่ถามว่าแล้ว “กองทุนนี้เหมาะกับใครบ้าง?” ผมคิดว่าเหมาะกับคนที่รับความผันผวนในการลงทุนได้ และต้องการผลตอบแทนที่มากกว่าการลงทุนในหุ้นไทยขนาดใหญ่ รวมถึงต้องการซื้อและถือยาวไว้ตามเงื่อนไขของ RMF โดยให้ผู้จัดการกองทุนนั้นทำหน้าที่แทน ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจครับ แต่ยังไงอย่าลืมที่ผมตั้งคำถามไว้ตั้งแต่แรกครับว่า ทุกวันนี้พอร์ตการลงทุนของเราเป็นอย่างไร? มีสินทรัพย์ประเภทไหนในการลงทุน เป้าหมายและความเสี่ยงที่ยอมรับได้นั้นคุ้มกันไหม แล้วจึงค่อยตัดสินใจลงทุนในสัดส่วนที่เหมาะสมกับความต้องการของตัวเองครับ

ไหนๆ เมื่อพูดถึงกองทุน RMF แล้ว ขอเล่าอีกสักหน่อยครับว่า หลายๆคนคงทราบดีว่า การลงทุนใน RMF นั้นก็เป็นการลงทุนระยะยาวเพื่อการเกษียณ และได้สิทธิในการลดหย่อนภาษีเป็นของแถม ซึ่งมีเงื่อนไขให้เราต้องถือครองกองทุนไว้นานนนนนนนนนน (มาก) โดยต้องถือไว้ไม่น้อยกว่า 5 ปี และอายุมากกว่า 55 ปี จึงจะสามารถขายกองทุนออกมาได้ทั้งจำนวน ไม่รวมเงื่อนไขการซื้อขั้นต่ำ 3% ของเงินได้ หรือ 5,000 บาทอีก ซึ่งเงื่อนไขที่มากมายแบบนี้ ทำให้บางคนถึงขั้นเบือนหน้าหนี และบ่นว่าถ้ายุ่งยากแบบนี้ไม่ลงทุนจะดีกว่า

คลิกเพื่อดูภาพใหญ่