ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ได้แนะแนวทางขับเคลื่อนธุรกิจให้กับให้นักธุรกิจ SME ไทยสู่ความสำเร็จ พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการให้เติบโตอย่างมั่นใจด้วยเทคโนโลยีระดับมืออาชีพจาก Office 365 ชุดซอฟต์แวร์และบริการคลาวด์ที่ให้ทุกคนและทุกองค์กรทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในทุกที่ ทุกเวลา พร้อมด้วยข้อเสนอพิเศษกับราคาเริ่มต้นเพียง "82 บาท" (2.50 เหรียญสหรัฐ) ต่อเดือน ต่อผู้ใช้งาน จนถึง 31 ธันวาคม 2561 นี้

(*คิดจากอัตราแลกเปลี่ยน 1 เหรียญสหรัฐ = 32.65 บาท ณ วันที่ 13 กันยายน 2561)

ไมโครซอฟท์เผย Growth Factor ของ SME ไทยในยุคดิจิทัล

ในปัจจุบัน ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือธุรกิจ SME ในประเทศไทย สามารถสร้างมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product: GDP) ได้เป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 42.4 จึงทำให้ผู้ประกอบการในกลุ่มนี้มีบทบาทเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจไทยให้เติบโตต่อไป

โดยหากมองในภาพรวมแล้ว ไมโครซอฟท์และบริษัทวิจัย IDC คาดการณ์ว่า ภายในปี 2564 การปฏิรูปธุรกิจด้วยนวัตกรรมดิจิทัล (Digital Transformation) จะสามารถขับเคลื่อน GDP ไทยให้เติบโตได้ด้วยอัตราเฉลี่ยสูงถึง 3.7% ต่อปี หรือสูงกว่าการคาดการณ์ของธนาคารโลกราว 0.4% และคิดเป็นมูลค่าราว 9 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 2.95 แสนล้านบาท)

คุณสมศักดิ์ มุกดาวรรณกร

โดย คุณสมศักดิ์ มุกดาวรรณกร ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมธุรกิจองค์กร ขนาดกลาง ขนาดย่อม และบริหารพันธมิตร บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า

"ในปัจจุบัน ทุกธุรกิจต้องเผชิญกับภาวะการแข่งขันสูง ในขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่าขนาดขององค์กรไม่ได้บ่งชี้ถึงความสามารถและความได้เปรียบทางธุรกิจ ที่จะส่งผลต่อความสำเร็จขององค์กรแต่อย่างใด ดังนั้น ท่ามกลางตลาดที่กำลังเดินหน้าไปด้วยศักยภาพของเทคโนโลยีดิจิทัล การจะเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน"

โดยผู้ประกอบการ SME จะต้องมุ่งพัฒนาปัจจัยหลัก 5 ประการเพื่อเร่งการพัฒนาขององค์กร ได้แก่

  • ศักยภาพในการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างว่องไว (agility)
  • ความน่าเชื่อถือ (trustworthiness)
  • ความสามารถในการขยายหรือหดตัวตามสภาวะทางธุรกิจ (scalability)
  • การตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงในตลาด (responsiveness)
  • ความสามารถในการสร้างสรรค์ (inventiveness)

ทั้งนี้ ผลวิจัยของไมโครซอฟท์ระบุว่า ผู้ประกอบการไทยคาดหวังว่าเทคโนโลยีจะสามารถสร้างความแตกต่างได้มากที่สุดในด้านการสร้างรายได้จากผลิตภัณฑ์และบริการในรูปแบบใหม่ๆ และการรักษาฐานลูกค้าเดิม ตามมาด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การเพิ่มอัตรากำไร และการสร้างรายได้เพิ่มเติมจากผลิตภัณฑ์และบริการที่มีอยู่เดิม

แม้ว่าผู้ประกอบการจำนวนมากจะทราบถึงบทบาทและผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการนำนวัตกรรมดิจิทัลมาประยุกต์ใช้.... แต่กลับมีธุรกิจเพียงร้อยละ 7 เท่านั้นที่ประสบความสำเร็จในฐานะผู้นำเชิงกลยุทธ์การปฏิรูปธุรกิจ ขณะที่อีกกว่าร้อยละ 93 ยังคงมีสถานะเป็นผู้ตามอยู่

คุณสมศักดิ์ยังกล่าวเสริมอีกว่า “การที่ธุรกิจเอสเอ็มอีจะสามารถปฏิรูปธุรกิจด้วยดิจิทัลให้สำเร็จได้นั้น จะต้องเริ่มจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง นับตั้งแต่ เครื่องมือในการทำงานที่มีประสิทธิภาพ, ช่องทางการติดต่อสื่อสารและประสานงานอย่างคล่องตัว และรากฐานของระบบที่ปลอดภัย

นั่นจึงเป็นสาเหตุให้ทางไมโครซอฟท์ได้พัฒนาให้บริการ Office 365 สามารถตอบโจทย์ทั้ง 3 ข้อนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยเครื่องมือและระบบในการทำงานแบบมืออาชีพที่สามารถช่วยยกระดับการปฏิบัติงานของธุรกิจทุกขนาดให้มีมาตรฐานยอดเยี่ยมไม่แพ้องค์กรขนาดใหญ่

ไม่ว่าจะเป็นบริการอีเมลสำหรับธุรกิจ พื้นที่จัดเก็บและแชร์เอกสารบนคลาวด์ผ่านบริการ OneDrive for Business แพลตฟอร์มการประชุมออนไลน์และทำงานเป็นทีมด้วย Skype for Business และ Microsoft Teams และอื่นๆ อีกมากมาย

ดร.อนุพันธ์ กิจนิจชีวะ และทีมงาน บริษัท สำนักกฎหมายสากล ธีรคุปต์ จำกัด

"บริษัท สำนักกฎหมายสากล ธีรคุปต์ จำกัด" เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของธุรกิจกลุ่ม SME ที่นำ Office 365 มายกระดับการทำงานอย่างทั่วถึง

ในฐานะสำนักกฎหมายรุ่นใหม่ที่ทำงานด้วยความคล่องตัวสูง ด้วยทีมที่ปรึกษาด้านกฎหมายและภาษีอากรที่มีความเชี่ยวชาญรอบด้าน ครอบคลุมงานในด้านตลาดทุน การควบรวมกิจการ ภาษี และอื่นๆ อีกมากมาย โดยนอกจากบริการพื้นฐานในการติดต่อสื่อสารและประสานงานแล้ว Office 365 ยังมอบเครื่องมือที่คุ้นเคยในการสร้าง แก้ไข และจัดการเอกสารต่างๆ อย่างรวดเร็วและแม่นยำอีกด้วย

ดร. อนุพันธ์ กิจนิจชีวะ หุ้นส่วนอาวุโส สำนักกฎหมายสากล ธีรคุปต์ เผยว่า “ความท้าทายหลักๆ ในการทำงานของสำนักกฎหมาย คือการทำงานที่ต้องแข่งกับเวลา ควบคู่ไปกับความถูกต้องแม่นยำตามตัวบทกฎหมาย ขณะที่เนื้องานในแต่ละกรณีก็มีรายละเอียดที่แตกต่างกันไป จึงทำให้เราต้องอาศัยความสามารถของทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่อาจออกทำงานภาคสนามได้แบบตัวคนเดียว หรือทำงานประสานไปกับทีม

ดังนั้น โจทย์ข้อสำคัญของเราจึงอยู่ที่การทำงานให้คุ้มค่ากับเวลามากที่สุด คล่องตัวที่สุด สำหรับทั้งลูกค้าและทีมงานของเราเอง ขณะที่การเก็บรักษาข้อมูลของเราและของลูกค้าให้ปลอดภัยก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่สำคัญไม่แพ้กัน ซึ่ง "Office 365 สามารถตอบโจทย์ทั้งหมดนี้ได้อย่างครบถ้วน"

ด้วยมาตรฐานระดับโลกด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่ครอบคลุมตั้งแต่ศูนย์ข้อมูลบนคลาวด์ไปจนถึงการกำหนดสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อน

นอกเหนือจากเครื่องมือพื้นฐานที่ใช้กันทั่วไปอย่าง Word, Excel หรือ PowerPoint แล้ว เรายังนำ แอปพลิเคชันอย่าง "Visio" มาใช้ทำแผนภาพในรูปแบบเฉพาะทาง เช่นในกรณีของการปรับโครงสร้างองค์กรหลังควบรวมกิจการเป็นต้น ส่วนในด้านของการติดต่อสื่อสารและประสานงานภายในบริษัท เรากำลังพิจารณาที่จะนำ Teams ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันสำหรับการทำงานเป็นทีมที่มีคุณสมบัติรอบด้านเข้ามาใช้งาน เพื่อดึงศักยภาพของทุกคนในองค์กรออกมาอย่างเต็มที่”

สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการยกระดับการทำงานของธุรกิจ SME  สามารถรับข้อเสนอพิเศษจากไมโครซอฟท์ได้

โดยบริการ Office 365 Business Essentials ที่มอบระบบพื้นฐานในการทำงานอย่างครบถ้วนทั้งอีเมล คลาวด์แชร์ไฟล์ และการประชุมทางไกล พร้อมด้วยแอปพลิเคชัน Office ที่ทุกคนคุ้นเคยสำหรับอุปกรณ์แท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน ด้วยราคาเริ่มต้นที่ลด 50% เหลือเพียง 82 บาท (2.50 เหรียญสหรัฐ) ต่อเดือน ต่อผู้ใช้งานเท่านั้น

หรือเสริมศักยภาพได้อีกขั้นด้วยบริการ Office 365 Business Premium ที่ตอบโจทย์ได้ครบครันยิ่งขึ้นด้วยแอปพลิเคชัน Office สำหรับเครื่องพีซีเต็มรูปแบบครบชุด พร้อมด้วยโซลูชันที่ออกแบบมาให้ตรงกับความต้องการของธุรกิจขนาดเล็กโดยเฉพาะ อย่าง Bookings และ Outlook Customer Manager ในราคาพิเศษที่ลด 20% เหลือเพียง 327 บาท (10 เหรียญสหรัฐ) ต่อเดือน ต่อผู้ใช้งาน โดยข้อเสนอพิเศษนี้จะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคม 2561

ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการ Office 365 สำหรับภาคธุรกิจได้ที่ https://aka.ms/ContactMicrosoftTH

ติดตามความรู้เรื่องการเงินการลงทุนจาก aomMONEY

Website : www.aomMONEY.com

Youtube : https://www.youtube.com/AommoneyTH

กลุ่มกองทุนไหนดี : https://www.facebook.com/groups/SelectedFund/

ทีมกองบรรณาธิการ aomMONEY