Reverse Mortgage คืออะไร ?

Reverse Mortgage คือ สินเชื่อเพื่อผู้สูงอายุโดยมีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน

หลักการของสินเชื่อแบบนี้ก็คือ ผู้สูงอายุที่มีบ้านที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเอง สามารถกู้เงินโดยนำบ้านมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน แล้วธนาคารก็จะทยอยจ่ายเงินเป็นก้อน (บำเหน็จ) หรือเป็นงวดให้เรารายเดือน (บำนาญ) เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน โดยบ้านที่เป็นหลักประกันจะต้องเป็นของผู้ขอสินเชื่อและปลอดภาระหนี้

พูดให้เข้าใจง่ายขึ้น ก็เหมือน การขายบ้านล่วงหน้าให้กับธนาคาร โดยธนาคารเป็นผู้ผ่อนซื้อ โดยมีเงื่อนไขว่าจะส่งมอบบ้านให้เมื่อเจ้าของบ้านเสียชีวิตแล้ว ดังนั้นธนาคารจึงมีหน้าที่ต้องจ่ายค่างวดให้กับเจ้าของบ้าน ส่วนผู้กู้ก็ยังคงมีสิทธิอาศัยอยู่ในบ้านหรือที่ดินหลังนั้นได้ไปเรื่อย ๆ หากธนาคารจ่ายเงินให้ผู้กู้จนครบแล้วบ้านหลังนั้นจึงจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของธนาคารหรือผู้ให้กู้

 จะตรงข้ามกับการขอสินเชื่อซื้อบ้านแบบปกติ ที่เราจะต้องเอาบ้านไปเป็นหลักประกันกับธนาคาร แล้วทยอยผ่อนเงินกู้ให้ธนาคารจนกว่าจะครบ สิทธิ์ความเป็นเจ้าบ้านถึงจะเป็นของเรา

สุดท้ายแล้วสิ่งที่ธนาคารผู้ให้กู้จะได้ ก็คือบ้านของผู้กู้ที่เสียชีวิตแล้ว หรือชำระจนครบตามสัญญาแล้ว โดยสามารถนำไปขายทอดตลาด หรือขายต่อให้กับทายาทต่อไปได้

ปัจจัยในการพิจารณาการขอสินเชื่อ Reverse Mortgage ขึ้นอยู่กับ 2 ข้อใหญ่ ๆ คือ

1. อายุของผู้กู้ คือยิ่งมีอายุมากเท่าไรก็จะยิ่งได้รับเงินแต่ละงวดมากขึ้นเท่านั้น (ระยะเวลาที่เหลือน้อย)

2. ลักษณะของบ้านว่ามีมูลค่าในตลาดเท่าไร ขึ้นอยู่กับ ขนาด สภาพ ทำเลดี ฯลฯ

เงื่อนไขของ Reverse Mortgage มีอะไรบ้าง ?

ตามที่แบงก์ชาติประกาศออกมาเพื่อเป็นแนวทาง (เมื่อ ปี 60) สำหรับสถาบันการเงินต่างๆปฏิบัติตาม เพื่อป้องกันความเสี่ยงและคุ้มครองผู้บริโภค คือ

1. ผู้กู้ต้องเป็นบุคคลธรรมดา มีสัญชาติไทย

2. มีอายุตั้งแต่ 60 ปี แต่ไม่เกิน 80 ปี

3. การรับเงินสินเชื่อจะเลือกรับเป็นเงินก้อนทีเดียว หรือทยอยรับเป็นงวดๆจนกว่าเสียชีวิตหรือหมดอายุสัญญาก็ได้

4. หลังได้สินเชื่อแล้ว ผู้กู้สามารถอยู่อาศัยในบ้านที่ใช้เป็นหลักประกันได้ แต่ต้องดูแลรักษาให้อยู่ในสภาพดีอยู่อาศัยได้

5. สามารถกู้ร่วมได้ในกรณีที่กู้ร่วมกับคู่สมรสตามกฎหมายที่มีกรรมสิทธิ์ในหลักประกันร่วมกัน โดยผู้กู้จะต้องไม่เป็นผู้ไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ

6. หลักประกันต้องเป็นที่อยู่อาศัยหลักของผู้กู้ และต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านตลอดช่วงระยะเวลาที่ได้รับเงินกู้

7. วงเงินกรณีใช้ที่ดินพร้อมอาคาร กู้สูงสุดไม่เกิน 70% ของราคาประเมินหลักประกัน กรณีใช้ห้องชุดเป็นหลักประกัน วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 60% ของราคาประเมินหลักทรัพย์

8. การจ่ายเงินกู้จะจ่ายเป็นรายเดือน ภายในระยะเวลาไม่เกิน 25 ปี หรือเมื่อรวมกับอายุผู้กู้กับระยะเวลาการกู้เงินตามสัญญาแล้วต้องไม่เกินอายุ 85 ปี

9. เมื่อครบสัญญาแล้ว ผู้กู้สามารถขอขยายระยะเวลาเพิ่มเติม หรือชำระหนี้เพื่อปิดบัญชี หรือสามารถให้ธนาคารขายทรัพย์เพื่อปิดบัญชีก็ได้

10. ถ้าธนาคารขายหลักประกันได้ มูลค่ามากกว่าจำนวนหนี้ทั้งหมด (กำไร) ธนาคารจะต้องคืนส่วนต่างให้ผู้กู้ หรือบุคคลที่ตกลงไว้

11. ถ้าธนาคารขายหลักประกันได้ มูลค่าต่ำกว่าจำนวนหนี้ทั้งหมด (ขาดทุน) ธนาคารจะไปไล่เบี้ยคืนจากผู้กู้ไม่ได้

(ประกาศฉบับเต็ม)

สำหรับค่าใช้จ่าย, ค่าธรรมเนียมในการขอกู้ ที่ผู้กู้ต้องจ่ายแก่ธนาคาร ก็จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของธนาคารที่ปล่อยกู้ ปัจจุบันที่ aomMONEY เห็นว่าสินเชื่อประเภทนี้มีให้บริการผ่านธนาคารของรัฐ 2 แห่ง คือธนาคารออมสิน และธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารพานิชย์ 1 แห่ง คือ ธนาคารไทยพานิชย์ 

ประโยชน์ของสินเชื่อ Reverse Mortgage คือจะช่วยเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้สูงอายุในสังคมไทย ที่ไม่มีเงินบำนาญ ไม่มีเงินออมเพียงพอใช้ ไม่มีสวัสดิการ แต่มีบ้านเป็นของตัวเอง จะถือว่าเป็นการวางแผนการเงินสำหรับใช้หลังเกษียณอีกประเภทหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้สูงอายุมีเงินสดใช้ไปตลอดชีวิตก็ว่าได้

แต่การจะมีบ้านหรือที่ดินเป็นของตัวเองเพื่อขอสินเชื่อประเภทนี้ในวัยหลังเกษียณได้ ก็มีจุดเริ่มต้นวางแผนการเงินตั้งแต่วันนี้ รวมถึงหากได้รับเงินจากสินเชื่อ Reverse Mortgage แล้ว ก็ควรใช้จ่ายอย่างพอประมาณ ระมัดระวังไม่ก่อหนี้เพิ่มเติม เพื่อให้ปราศจากความกังวลและใช้ชีวิตบั้นปลายได้อย่างมีความสุข

ขอบคุณข้อมูลจาก

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ธนาคารแห่งประเทศไทย

ติดตามความรู้เรื่องการเงินการลงทุนจาก aomMONEY

Line@ : @aommoney

Website : www.aomMONEY.com

Youtube : https://www.youtube.com/AommoneyTH