ปี 2565 ถือเป็นปีที่มีความผันผวนและมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุน ทำให้ราคาสินทรัพย์ลงทุนต่างๆ เช่น หุ้น ตราสารหนี้ ทองคำ และอื่นๆ ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งปัจจัยหลักๆ เช่น ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่อง ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ความกังวลเศรษฐกิจโลกถดถอย

และถึงแม้ในช่วงปลายปีจะมีปัจจัยเชิงบวกช่วยให้บรรยากาศการลงทุนผ่อนคลายยิ่งขึ้น เช่น เงินเฟ้อผ่านจุดสูงสุด จีนผ่อนคลายมาตรการ ZERO-Covid แต่โดยรวมแล้วยังมีปัจจัยเสี่ยงที่กดดันบรรยากาศการลงทุนต่อไป

สถานการณ์ดังกล่าว ทำให้การลงทุนกองทุนรวมปี 2565 มีบรรยากาศไม่แตกต่างจากการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ โดยสังเกตว่าผลตอบแทนปรับลดลงหรือขาดทุน ทำให้นักลงทุนเพิ่มความระมัดระวัง ชะลอการลงทุน หรือขายเพื่อลดความเสี่ยง

ในโลกการลงทุนไม่มีใครสามารถคาดเดาได้แม่นยำว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้น การวางแผนลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง คือ กลยุทธ์กระจายการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เพื่อไม่ทำให้ขาดทุนอย่างหนักจากการลงทุนอย่างใดอย่างหนึ่งมากเกินไป

ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการลงทุนกองทุนได้ ด้วยการกระจายลงทุนกองทุนรวมที่มีนโยบายแตกต่างกัน เช่น กองทุนหุ้น กองทุนตราสารหนี้ กองทุนตลาดเงิน กองทุนผสม เป็นต้น

ที่สำคัญ สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการลงทุน คือ การปรับพอร์ตลงทุน เพราะเมื่อเวลาผ่านไปสัดส่วนการลงทุนอาจผิดเพี้ยนไปจากสัดส่วนตั้งต้น เนื่องจากผลตอบแทนของสินทรัพย์แต่ละตัวเติบโตไม่เท่ากัน โดยการปรับพอร์ตลงทุนจะทำให้มั่นใจได้ว่าพอร์ตลงทุนจะยังตอบโจทย์เป้าหมาย และยังอยู่ในระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ยิ่งในภาวะที่สถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา นักลงทุนยิ่งจำเป็นต้องหันกลับมาดูพอร์ตที่ลงทุนไปว่ามีการปรับเปลี่ยนมากน้อยเพียงใด

และนี่คือ สุดยอดกองทุนรวม ผลตอบแทนสูงสุดปี 2565