วันนี้สุขภาพแข็ง แต่วันข้างหน้าเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเราจะยังแข็งแรงได้แบบนี้อยู่รึเปล่า ทุกวันนี้เราจะได้ข่าวคนที่มีชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก เพราะไม่มีเงินสำหรับค่ารักษาพยาบาล หรือเสียชีวิตด้วยโรคร้ายแรงอย่างกันมากขึ้น วันนี้เรามาคุยกันเกี่ยวกับประกันคุ้มครองโรคร้ายแรงที่เป็นทางเลือกสำหรับการบรรเทาปัญหาหากเราเป็นโรคร้ายแรงกัน

โดยค่ารักษา 5 โรคร้ายแรงที่คร่าชีวิตคนไทย ได้แก่

1. โรคมะเร็ง

ค่ารักษาประมาณ 300,000 ถึง 8,000,000 บาท เปิดต้นปี 2566 ก็มีสถิติผู้ป่วยมะเร็งมาให้ระวังกันแล้ว ซึ่งกรมการแพทย์ได้เผยสถิติว่ามีจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งรายใหม่ 140,000 คน/ปี หรือ 400 คน/วัน

2. โรคหลอดเลือดสมอง

ค่ารักษาโดยประมาณ 110,000 ถึง 800,000 บาท ทุกๆ 1 ชั่วโมงมีคนตายด้วยโรคหลอดเลือดสมอง 5 คน ค่ารักษาโรคหลอดเลือดสมอง เป็นค่าใช้จ่ายที่ ควบคุมยากที่สุด เพราะเราไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่าจะล้มป่วยรูปแบบไหน หากเป็นการเจ็บป่วยฉุกเฉิน แน่นอนว่าค่ารักษาก็ฉุกเฉินตามไปด้วย หากพิการตั้งแต่อายุยังน้อย ภาระทั้งหมดจะต้องตกเป็นของคนรอบข้าง รายได้ไม่มี ในขณะที่มีรายจ่ายเพิ่มขึ้น

3. ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะอย่างรุนแรง

ค่ารักษาประมาณ 200,000 ถึง 700,000 บาท ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะอย่างรุนแรง ถือว่าเป็นโรคร้ายที่ มีค่ารักษาเริ่มต้นแพงมาก ๆ ประมาณ 667,000 บาท เป็นค่าตรวจโรค ค่ารักษาทางยา หรืออาจจะจี้จุดด้วยคลื่นวิทถุความถี่สูง ฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจ หรือใช้สายสวนจี้กล้ามเนื้อหัวใจ การจี้หัวใจค่าใช้จ่ายประมาณ 200,000-300,000 บาท ทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน (บางแห่ง)

4. โรคปอดระยะสุดท้าย

ค่ารักษาเริ่มต้น ประมาณ 365,000 บาท จากรายงานสถิติ คนไทยเสียชีวิตด้วยโรคปอด 21,676 คน/ปี หรือเฉลี่ย 2.47 คน/ชั่วโมง และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ

5. ไตวายเรื้อรัง

ค่ารักษาประมาณ 30,000 บาทต่อเดือน จากสถิติปี 2560 คนไทยเสียชีวิตด้วยโรคนี้ 15,162 คน/ปี หรือเฉลี่ย 1.73 คน/ชั่วโมง และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ

แต่ข่าวร้ายก็คือ อัตราเงินเฟ้อของค่ารักษาพยาบาลสูงมากถึง 9%/ปี หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ทุก 8 ปี ค่ารักษาพยาบาลจะแพงขึ้น 2 เท่า

ตัวอย่างเช่น หากเราเป็นมะเร็งในวันนี้ ค่ารักษาพยาบาลจะอยู่ประมาณ 5 ล้านบาท แต่หากเป็นมะเร็งในอีก 8 ปีข้างหน้า ค่ารักษาพยาบาลจะอยู่ที่ 10 ล้านบาท และหากเป็นมะเร็งในอีก 16 ปีข้างหน้า ค่ารักษาพยาบาลจะอยู่ที่ 20 ล้านบาท เป็นต้น

ดังนั้น เพื่อป้องกัน “แรดเทา” ของค่ารักษาพยาบาล การทำประกันคุ้มครองโรคร้ายแรงจึงเป็นทางเลือกที่ดี โดยหลักในการเลือกซื้อประกันคุ้มครองโรคร้ายแรง คือ

1. เลือกประกันที่ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากที่สุด

แม้มะเร็งจะเป็นโรคร้ายแรงที่พบมากอันดับหนึ่ง และมีค่ารักษาพยาบาลที่แพง แต่โรคร้ายแรงอื่นๆ ก็มีความเสี่ยงที่เราจะเป็นมากขึ้น และค่ารักษาพยาบาลก็แพงไม่น้อยไปกว่ากัน ดังนั้น เพื่อความไม่ประมาท การเลือกประกันคุ้มครองโรคร้ายแรงที่ครอบคลุมมากโรคเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีเท่านั้น

2. เลือกวงเงินคุ้มครองให้เหมาะสม

เราควรพิจารณาแผนประกันคุ้มครองโรคร้ายแรงที่ให้วงเงินคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลที่เหมาะสมกับค่ารักษาพยาบาลที่ต้องจ่าย เช่น หากเราอยู่ต่างจังหวัดที่ค่าห้องโรงพยาบาลอยู่แค่หลักพัน ก็ไม่จำเป็นต้องเลือกประกันที่ให้ค่าห้องหลายหมื่น หากคิดจากค่ารักษาพยาบาลโรคร้ายแรงที่ราวๆ 1 - 3 ล้านบาท เราอาจเลือกทุนประกันที่ตัวเลขนี้ก็ได้ และที่สำคัญประกันที่ซื้อควรจะต้องคุ้มครองในทุกระยะของโรค

3. ค่าเบี้ยประกันเหมาะสม

ยิ่งเราเลือกประกันคุ้มครองโรคร้ายแรงจะมีวงเงินคุ้มครองที่สูง และคุ้มครองหลายโรค ค่าเบี้ยประกันย่อมสูงตามไปด้วย นอกจากควรเลือกความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ เราต้องเลือกเบี้ยประกันที่สอดคล้องกับรายได้ของเราด้วย หรือ หากเราพิจารณาลดวงเงินคุ้มครองเพื่อลดภาระเบี้ย เราก็ต้องมั่นใจว่า เรามีเงินเก็บที่มากพอสำหรับค่ารักษาพยาบาลส่วนที่เกินกว่าที่ประกันคุ้มครอง

4. เลือกกรมธรรม์แบบจ่ายเงินก้อน และ จ่ายวงเงินค่ารักษา

ตามปกติจะมีการจ่ายทั้งแบบเงินก้อน คือเมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคก็จะจ่ายเงินให้ทันที กับ การจ่ายวงเงินสำหรับการรักษาพยาบาล เราควรตรวจสอบวงเงินความคุ้มครองสูงสุดของกรมธรรม์ โดยความคุ้มครองควรครอบคลุมถึงค่าใช้จ่ายก่อนเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลระหว่างการรักษา และค่าใช้จ่ายหลังการรักษา ดังนั้นเราควรพิจารณาซื้อแผนประกันที่ทั้ง จ่ายเงินก้อน และ จ่ายวงเงินรักษา เพื่อผลประโยชน์สูงสุด และ สามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นได้

5. ตรวจสอบโรคที่ยกเว้นการคุ้มครอง

ถึงแม้ว่าจะเป็นประกันสำหรับคุ้มครองโรคร้ายแรงโดยเฉพาะ แต่ประกันของแต่ละบริษัทก็จะมีการยกเว้นบางโรคที่ไม่ได้รับการคุ้มครอง คุณควรตรวจสอบให้ละเอียดและใช้ข้อยกเว้นนี้ในการพิจารณาเลือกซื้อด้วย

การซื้อประกันคุ้มครองโรคร้ายแรง เป็นเพียงวิธีในการบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้นเมื่อเราเป็นโรคร้ายแรง แต่ไม่ได้ช่วยลดโอกาสการเป็นโรคร้ายแรง ดังนั้นหากเราลดโอกาสการเป็นโรคร้ายแรงด้วยการทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่เครียด อยู่สภาพแวดล้อมที่ดี ดูแลสุขภาพตนเองอยู่เสมอ ก็จะช่วยให้เราอยู่อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น