ตลาด E-Commerce เป็นตลาดที่มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายปีที่ผ่านมา และดูท่าจะทวีความร้อนแรงขึ้นไปอีกเมื่อยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon เปิดตัว Prime Now บริการขนส่งด่วนในสิงคโปร์ ซึ่งถือเป็นเขตของ Alibaba เจ้าพ่อ E-Commerce จากแผ่นดินใหญ่  

แต่ผลกระทบที่ตามมาคืออะไร สำหรับ E-Commerce รายอื่นจะมีความกังวลเรื่องนี้หรือไม่ ลองมาสังเกตการณ์กัน

พบกับ Rosanita Ali แม่บ้านวัย 49 ที่ว่างงานมากว่า 10 ปี จนกระทั่งตอนนี้ ที่ผันตัวเธอทำงานเป็น "Bee" พนักงานฟรีแลนซ์ของ e-commerce สัญชาติสิงคโปร์นาม Honestbee

Rosanita ใช้เวลาในแต่ละวันของเธอเลือกซื้ออาหารและสิ่งของต่างๆเพื่อคนที่สั่งซื้อผ่านแอพพลิเคชัน Honestbee

“มันทำให้ฉันมีความยืดหยุ่นในการทำงานเมื่อฉันต้องการ” เธอเล่าระหว่างเดินไปเดินมาในซุปเปอร์มาเก็ตเพื่อเลือกซื้อผักผลไม้ “และฉันก็ได้เงินดีด้วย” 

Rosanita กล่าวว่าเธอสามารถทำเงินได้เฉลี่ยอาทิตย์ละ 100 ดอลลาร์ (3325 บาท) โดยทำงานเพียงสองชั่วโมงต่อวัน แต่เธอก็สามารถทำได้มากกว่านั้นหากต้องการ เพราะออเดอร์ที่มาจากลูกค้ามีอยู่ตลอด

“จากการสังเกตผ่านสินค้าที่ถูกซื้อ ลูกค้าในแถบนี้กำลังแสวงหาประสบการณ์ที่หลากหลายมากขึ้น” Joel Sng ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Honestbee ให้สัมภาษณ์ในออฟฟิศของเขาที่สิงคโปร์ เขาสร้างธุรกิจนี้จากความว่างเปล่าเมื่อสองปีก่อนที่สิงคโปร์นี่ ปัจจุบันมันขยายไปถึงแปดแห่งในเอเชียแปซิฟิก

นาย Sng กล่าวว่าบริษัทสามารถทำกำไรได้หากต้องการดึงเงินออกมาใช้จริงๆ แต่เขาอยากเน้นเรื่องการเติบโตมากกว่า เขารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็น เพราะปัจจุบันมีผู้ซื้อสินค้าออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพียงแค่ 2% และส่วนใหญ่มีอายุน้อย

“ทางเดียวที่มันจะไปต่อคือเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น” Joel Sng กล่าว

สิ่งที่นาย Sng พูดนั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแต่อย่างใด

ข้อมูลของ Google และ Temasek แจ้งว่า e-commerce ในเขตนี้เติบโตขึ้นและคาดว่าจะพุ่งเป็นจรวดในอีกไม่กี่ปี จาก 5 หมื่น 5 พันล้านดอลลาร์ (1.8 ล้านล้านบาท) ในปี 2015 เป็น 8 หมื่น 8 พันล้านดอลลาร์ (2.9 ล้านล้านบาท) ใน 2025

สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้เองที่ทำให้ E-Commerce รายใหญ่อย่าง Amazon เลือกจะเปิดตัว Prime Now ในสิงคโปร์เมื่อเดือนผ่านมา

Amazon Prime Now ตั้งอยู่ในพื้นที่หนึ่งแสนตารางฟุต (9290 ตารางเมตร) ในสิงคโปร์ ถือเป็นโกดังที่ใหญ่ที่สุดในเขตเมือง และมีนโยบายว่าจะส่งของทุกอย่างภายในสองชั่วโมงตั้งแต่ไข่ไปจนถึงรถเข็นเด็ก

“สิงคโปร์คือที่ๆเหมาะสำหรับการเปิดตัวธุรกิจทุกอย่าง” Henry Low ผู้อำนวยการของ amazon prime สิงคโปร์กล่าว “ลูกค้าของสิงคโปร์นั้นยุ่งมาก พวกเขาชอบการซื้อขายและอยากให้มีของหลากหลาย และนั่นตรงกับข้อเสนอของเราอย่างแน่นอน”

แต่สิงคโปร์ก็ไม่ใช่ที่สุด มันเป็นตลาดเล็กๆที่มีคนแค่ห้าล้านคน การขยายตลาดต่างหากที่สำคัญ เพื่อก้าวไปสู่ตลาดที่มีคนกว่า 600 ล้านคน

Amazon ไม่ได้เปิดเผยว่าแผนของพวกเขาในตอนนี้ แต่ต่อจากสิงคโปร์ ออสเตรเลียคือเป้าหมายถัดไปแน่นอน สัญญาณของ Amazon ชัดเจนมาก

แต่สิ่งที่ทำได้ง่ายๆในสิงคโปร์และออสเตรเลียอาจทำไม่ได้ในเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

“มันเป็นเรื่องท้าทายมากสำหรับพวกเราเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานในบางประเทศ เรากำลังพูดถึงประเทศอย่างอินโดนนีเซียและไทย” Ajay Sunder ผู้สังเกตการณ์ด้านเทคโนโลยี จาก consultancy Frost & Sullivan กล่าว "หนึ่งในปัญหาคือการชำระเงิน การจ่ายเงินปลายทาง โดยเฉพาะตลาดเกิดใหม่นั่นล่ะประเด็น"

ในขณะที่ประเทศอย่างสิงคโปร์มีระบบจ่ายเงินที่รองรับ E-Commerce อยู่แล้ว และลูกค้าสะดวกที่จะจ่ายเงินออนไลน์ แต่ประเทศอื่นไม่ใช่

ซึ่งหมายความว่าพวกเขาต้องพึ่งพาระบบเก็บเงินที่มีประสิทธิภาพน้อยกว่า และเสี่ยงต่อการโกงมากกว่า แถมเป็นพื้นที่การแข่งขันที่ดุเดือดด้วย เพราะ Lazada ที่ถูกซื้อโดย Alibaba ได้ครองพื้นที่นี้ไว้แล้ว โดยมี Redmart ในสิงคโปร์เป็นตัวชูโรง

Alibaba ได้ทำการลงทุนธุรกิจโลจิสติกส์และคลังสินค้าในพื้นที่ และยังช่วยในการสร้างเขตการค้าเสรีดิจิตอลแห่งแรกของโลกที่มาเลเซียอีก รวมไปถึงบอสของ Alibaba Jack Ma ได้เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจดิจิตอลให้มาเซียเมื่อปีที่แล้ว เพื่อวางแผนในการพัฒนา E-Commerce ในประเทศ

ยังมีคนอีกมากมายที่เป็นเจ้าของธุรกิจประเภทเดียวกันในภูมิภาคนี้ แต่นาย sunder ไม่ได้คิดว่านั่นจะเป็นปัญหาแต่อย่างใด

“E-commerce เป็นเกมที่จะเหลือผู้อยู่รอดเพียงรายเดียวเสมอมา” Ajay Sunder กล่าว “เราคาดว่าจะมีการควบรวมกิจการในปีหน้า ซึ่งจะได้เห็นผู้เล่นรายเล็กๆได้รับการสนับสนุนจากผู้เล่นระดับภูมิภาค หรือใหญ่กว่านั้น”

แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าห่วงสำหรับคนทำงานอย่าง Rosanita หรือคนอื่นๆ ในตอนนี้ 

เธอทำงานของเธอสำเร็จโดยการซื้อผลไม้และผักสด ก่อนจะเลือกคนขับเพื่อส่งของให้ไปให้ลูกค้า

ในขณะที่ E-Commerce ระดับภูมิภาคยังอยู่ในระหว่างการเติบโตและคลุมเครือ การแข่งขันทุกอย่างจะทำให้ราคาของมันถูกลงเรื่อยๆ 

และนั่นหมายถึงสิ่งหนึ่งที่แน่นอน...ลูกค้าคือผู้ชนะ

Source :

http://www.bbc.com/news/business-40813092