ปีใหม่จะผ่านไปครบเดือนแล้ว แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะมีสัญญาณที่ชะลอตัว แต่ก็เป็นแบบ soft landing และธนาคารกลางหลายแห่งก็มีสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากการที่อัตราเงินเฟ้อปรับลดลง โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาที่มีสัญญาณการลดดอกเบี้ยที่ชัดเจน สัญญาณต่างๆมีผลบวกต่อภาวะการณ์ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงและตราสารหนี้ แต่ภาวการณ์ลงทุนที่เคยคาดว่าจะสดใสกลับดูไม่ได้สดใสอย่างที่คาดหวัง เหตุผลส่วนหนึ่งก็คงเพราะยังมีความเสี่ยงที่มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจโลกอยู่นั่นเอง

การเรียนรู้ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นย่อมเป็นการดีสำหรับการบริหารเงินออมของเรา เหมือนอย่างที่ Benjamin Graham กล่าวไว้ว่า “Successful investing is about managing risk not avoid it” แล้วอย่างนี้ ความเสี่ยงที่สำคัญในปี 2024 มีอะไรบ้าง

ข้อมูลในรายงาน The Global Risks Report 2024 มาจาก Global Risks Perception Survey (GRPS) ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลด้านความเสี่ยงของ World Economic Forum ซึ่งมาจากการรวบรวมข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความเสี่ยงทั่วโลกจากผู้เชี่ยวชาญกว่า 1,490 ราย ทั้งจากสถาบันการศึกษา ธุรกิจ รัฐบาล ชุมชนระหว่างประเทศ และภาคประชาสังคม ในช่วงระหว่างวันที่ 4 กันยายน - 9 ตุลาคม 2566 โดยความเสี่ยงจะถูกแบ่งออกเป็น 5 หมวด ดังนี้

⚠️1. ความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ (Economic)
⚠️2. ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental)
⚠️3. ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical)
⚠️4. ความเสี่ยงด้านสังคม (Societal)
⚠️5. ความเสี่ยงด้านเทคโนโลยี (Technological)

‘Global Risks’ หรือ ‘ความเสี่ยงระดับโลก’ หมายถึง ความเป็นไปได้ของการเกิดเหตุการณ์หรือสภาวการณ์ต่าง ๆ ซึ่งถ้าความเสี่ยงนั้น ๆ เกิดขึ้นอาจจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อสัดส่วน GDP โลก ประชากร หรือทรัพยากรธรรมชาติ เป็นต้น

➡️รายงาน Global Risks Report 2024 ได้สรุปความเสี่ยงสูงสุดที่อาจเกิดกับโลกในปีนี้

⚠️1. สภาพอากาศรุนแรงแบบสุดขั้ว (Extreme weather )
⚠️2. ข้อมูลเท็จและการบิดเบือนจาก AI (AI-generated misinformation and disinformation)
⚠️3. การแบ่งขั้วทางสังคมหรือการเมือง (Societal and/or political polarization) ไม่ว่าจะเป็น จีนกับสหรัฐ รัสเซียกับยูเครน อิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ฯลฯ
⚠️4. วิกฤตค่าครองชีพ (Cost-of-living crisis)
⚠️5. การโจมตีทางไซเบอร์ (Cyberattacks)

➡️และหากมองต่อไปอีก 10 ปีข้างหน้า คือ ปี 2034 ประเด็นสิ่งแวดล้อมติดอันดับความเสี่ยงมากถึง 4 อันดับจาก 5 อันดับแรก

ได้แก่

⚠️1. เหตุการณ์สภาพอากาศรุนแรงแบบสุดขั้ว หรือ Extreme weather events
⚠️2. การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญต่อระบบโลก หรือ Critical change to Earth systems
⚠️3. สูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศล่มสลาย หรือ Biodiversity loss and ecosystem collapse
⚠️4. ขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ หรือ Natural resource shortages
⚠️5. ข้อมูลเท็จและการบิดเบือนข้อมูล หรือ Misinformation and disinformation
มาช้าดีกว่าไม่มา

➡️เมื่อความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมเป็นความเสี่ยงใหญ่ที่มีต่อโลก ทำให้หลายประเทศได้ออกมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดมากขึ้น

นอกจากนี้รายงานจาก World Economic Forum's 2023 Executive Opinion Survey (EOS) ซึ่งเป็นแบบสำรวจที่ความคิดเห็นของผู้บริหารไทย ที่จัดทำขึ้นระหว่างเดือนเมษายน - สิงหาคม 2023 ระบุว่าความเสี่ยงที่คาดว่าจะเป็นภัยคุกคามใหญ่ที่สุดของประเทศไทย มีดังนี้

⚠️1. ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Economic downturn)
⚠️2. ปัญหามลพิษ (Pollution) โดยเฉพาะ PM2.5
⚠️3. การขาดแคลนแรงงาน (Labour shortage)
⚠️4. หนี้ครัวเรือน (Household debt) โดยไตรมาสแรกของปี 2024 หนี้ครัวเรือนของประเทศไทยอยู่ที่ 16 ล้านล้านบาท คิดเป็น 90.6% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
⚠️5. ความไม่เท่าเทียมทางความมั่งคั่งและรายได้ (Inequality) ในอดีตสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำของไทยเคยทวีความรุนแรงมากขึ้นจนติด TOP 5 ประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำด้านความมั่งคั่งมากที่สุดในโลก จากข้อมูล Gini Wealth Index ปี 2018 ของ เครดิต สวิส (Credit Suisse) แต่ก็ดีขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 97 ในปี 2021

จะเห็นได้ว่า ปัจจุบันยังมีความเสี่ยงต่างๆ อีกมากที่เรายังต้องใส่ใจอยู่ ดังนั้นควรดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาทครับ

อ้างอิง: The Global Risks Report 2024, World Economic Forum