" ให้ซื้อหุ้นที่แนวรับ "
"ให้ขายหุ้นที่แนวต้าน"
เป็นการใช้งานแนวรับ-แนวต้านที่ผิด!!!!วิธีครับ
กรณีของแนวรับ
เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินคำว่า "ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นจากแนวรับ " และ " ราคาหุ้นทะลุแนวรับทำจุดต่ำสุดใหม่" ซึ่งก็แปลว่าเมื่อหุ้นปรับตัวลงมาที่แนวรับมีโอกาสเกิดเหตุการณ์ได้ 2 กรณี คือ
1) ถ้าแรงขายที่แนวรับมีมากกว่าแรงซื้อ ราคาจะปรับตัวลดลงต่อ
2) ถ้าแรงซื้อที่แนวรับมีมากกว่าแรงขาย ราคาจะปรับตัวสูงขึ้น
กรณีของแนวต้าน
เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินคำว่า "ราคาหุ้นปรับตัวลดลงจากแนวต้าน " และ " ราคาหุ้นทะลุแนวต้านทำจุดสูงสุดใหม่" ซึ่งก็แปลว่าเมื่อหุ้นปรับตัวลงมาที่แนวต้านมีโอกาสเกิดเหตุการณ์ได้ 2 กรณีด้วยเช่นเดียวกัน คือ
1) ถ้าแรงขายที่แนวต้านมีมากกว่าแรงซื้อ ราคาจะปรับตัวลดลง
2) แรงซื้อที่แนวต้านมีมากกว่าแรงขาย ราคาจะปรับตัวสูงขึ้นต่อ
เมื่อราคามาถึงแนวรับหรือแนวต้านควรทำอย่างไร ?
จากคำนิยามที่บอกว่า
แนวรับ คือ ระดับราคาที่คาดว่าจะมีความต้องการซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก แต่ไม่มีอะไรการันตีได้ว่าแรงซื้อจำนวนมากที่แนวรับ จะทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น
แนวต้าน คือ ระดับราคาที่คาดว่าจะมีความต้องการขายเข้ามาเป็นจำนวนมาก และก็ไม่มีอะไรการันตีได้อีกเช่นเดียวกันว่าแรงขายจำนวนมากที่แนวต้าน จะทำให้ราคาปรับตัวลดลง
จะเห็นได้ว่าเมื่อราคาปรับตัวลงมาที่ระดับราคาแนวรับ หรือราคาเพิ่มสูงขึ้นไปที่ระดับราคาแนวต้าน จะเป็นบริเวณที่แรงซื้อกับแรงขายยกพวกจำนวนมากมาต่อสู้กัน
สิ่งที่ควรทำเมื่อราคามาถึงที่แนวรับ หรือแนวต้าน คือ เราควรจะอยู่เฉย ๆ อย่าเพิ่งรีบร้อนลงมือซื้อขาย
สาเหตุที่ควรอยู่เฉย ๆ เมื่อราคามาถึงที่แนวรับ หรือแนวต้าน เพราะ ?
1) เราไม่รู้ว่าเหตุการณ์ในอนาคตจะออกมาทางไหน
2) เราไม่ควรเข้าไปร่วมกับกาต่อสู้ระหว่างแรงซื้อกับแรงขายทันทีในขณะที่กำลังต่อสู้กัน เพราะมันเหมือนกับการแทงสูงต่ำ โอกาสแทงถูก 50-50
3) ผมรอให้รู้ผลการต่อสู้ระหว่างแรงซื้อกับแรงขายว่าฝั่งไหนเป็นฝั่งชนะก่อนดีกว่า แล้วผมค่อยเข้าไปร่วมอยู่ฝั่งเดียวกับฝั่งชนะ
ผลที่คาดว่าจะได้รับ และสิ่งที่ต้องยอมรับ เมื่อรอให้รู้ผลการต่อสู้ระหว่างแรงซื้อกับแรงขายแล้วค่อยลงมือ คือ ?
1) สิ่งที่จะได้ คือ ความน่าจะเป็นที่จะตัดสินใจได้ถูกมากกว่าความน่าจะเป็นที่ตัดสินใจผิด (โอกาสตัดสินใจถูกมากกว่า 50% หรือ High Winning Probability)
2) สิ่งที่ต้องยอมรับคือ จะไม่ได้ซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำที่สุด เพราะเราต้องรอให้ราคาปรับตัวเพิ่มจากแนวรับจนถึงจุดที่มั่นใจว่าแรงซื้อชนะแรงขายแล้ว จึงค่อยซื้อหุ้น และจะไม่ได้ขายหุ้นในราคาที่สูงที่สุดเพราะต้องราให้ราคาปรับตัวลดลงจากแนวต้านจนถึงจุดที่มั่นใจว่าแราขายชนะแรงซื้อด้วยเช่นเดียวกัน
เทคนิคสำคัญที่มักจะถูกลืม
สิ่งที่สำคัญอันดับแรกของการซื้อขายหุ้นตามแนวโน้มการเคลื่อนที่ของราคา (Trend Following) คือ ทิศทางของแนวโน้ม การใช้งานเครื่องมือต่าง ๆ ทางเทคนิคทุกประเภท จะให้ดีต้องใช้งานให้สอดคล้องกับทิศทางของแนวโน้ม
แนวรับ-แนวต้าน เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งทางเทคนิค ที่ใช้ในการหาจังหวะซื้อหรือจังหวะขายที่ดี ดังนั้นการใช้งานแนวรับ-แนวต้าน จะใช้งานได้ดี จำเป็นต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับทิศทางของแนวโน้มด้วย เพราะ
ถ้าราคาหุ้นมีทิศทางของแนวโน้มเป็นขาขึ้น แนวรับจะต้องรับอยู่เสมอ ส่วนแนวต้านจะต้องโดนเบรกเสมอ ไม่เช่นนั้น กราฟจะไม่เป็นทิศทางขาขึ้น ทำให้ในทิศทางแนวโน้มขาขึ้น แนวรับจะมีความสำคัญมากกว่าแนวต้าน
ทางกลับกันถ้าราคาหุ้นมีทิศทางของแนวโน้มเป็นขาลง แนวต้านจะต้องต้านอยู่เสมอ ส่วนแนวรับจะต้องโดนเบรกเสมอ ไม่เช่นนั้น กราฟก็จะไม่เป็นทิศทางขาลง ทำให้ในทิศทางแนวโน้มขาลง แนวต้านจะมีความสำคัญมากกว่าแนวรับ
สุดท้ายสิ่งที่อยากจะฝากเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค
นักเล่นหุ้นทางเทคนิคที่มีประสบการณ์ทุกคนรู้ดีเกี่ยวกับความจริงที่ว่า ถึงแม้เราจะวิเคราะห์ทางเทคนิคมาอย่างดีก็ตามก็ไม่ได้การันตีว่าเราจะได้กำไรชัวร์ ๆ เพราะไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะมีเหตุกาณ์อะไรเกิดขึ้น หรือราคาจะไปในทิศทางไหน
ดังนั้นเราจึงต้องวิเคราะห์และวางแผนกลยุทธ์ในการซื้อขาย เพื่อให้ได้ความน่าจะเป็นในการติดสินใจถูกมากกว่าตัดสินใจผิด และกลยุทธ์ที่ดีควรจะมีการเตรียมตัวเพื่อรองรับกับเหตุการณ์หลาย