ปฏิเสธไม่ได้ว่า มิสเตอร์บีสต์ (Mr.Beast) คือยูทูบเบอร์ที่สร้างรายได้แต่ละปีเข้าขั้นมหาศาล

มหาศาลในที่นี้คือหลัก 600-700 ล้านเหรียญหรือประมาณ 25,000 ล้านบาท/ปี แต่ถึงแม้จะรายได้เยอะขนาดนั้น เขากลับบอกว่าตัวเองยังไม่ได้รวย (ในตอนนี้)

ตั้งแต่วันที่เริ่มทำคอนเทนต์ผ่านมา 12 ปี ตอนนี้ช่องยูทูบของเขามีคนติดตามแล้วกว่า 240 ล้านคน แต่ถ้ารวมทุกช่องทางอย่าง Instagram/TikTok เข้าไปด้วยก็ราวๆ 425 ล้านคน คอนเทนต์แต่ละชิ้นมีคนรับชมหลัก 100 ล้านวิว และคาดว่าเขาน่าจะปรากฏตัวบนหน้าจอราวๆ 30,000 ล้านครั้ง/ปี

มิสเตอร์บีสต์บอกว่า “ถึงจุดนี้เราพอจะทราบแล้วว่าอะไรทำได้ดีและผมสามารถทำให้เกือบทุกอย่างเป็นไวรัลได้เลย”

นิตยสาร Time เรียก ชายวัย 25 ปีคนนี้ว่าเป็น “คนที่มีคนดูเยอะที่สุดในโลก” ไปแล้วเรียบร้อย

เขาทำได้ยังไงกัน?

Mr. Beast

ทุกอย่างเริ่มต้นจาก “โรคโครห์น” (Crohn's Disease - โรคที่มีการอักเสบเรื้อรังตลอดทางเดินอาหาร ส่งผลกระทบต่อการทำงาน การเข้าสังคม อารมณ์ และสภาพจิตใจของผู้ป่วย) ที่ทำให้มิสเตอร์บีสต์ หรือชื่อจริงว่า จิมมี ดอนัลด์สัน (Jimmy Donaldson) ต้องผันตัวมาเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ในช่วงวัยรุ่น

จากที่เคยเป็นดาวเด่นด้านกีฬาเบสบอล แต่พอป่วยก็ไม่สามารถไปซ้อมได้และสุดท้ายต้องล้มเลิกความฝันตรงนั้นไป

“มันเป็นช่วงเวลาที่ยากมาก” ซูซาน ปาริชเชอร์ (Susan Parisher) คุณแม่ของมิสเตอร์บีสต์ เล่าให้นิตยสาร Time ฟัง

แต่ในขณะเดียวกัน มิสเตอร์บีสต์ก็เริ่มหันไปให้ความสนใจในการทำวิดีโอ และเปิดช่องยูทูบของตัวเองในปี 2012 ด้วยวัยเพียง 13 ปี

“แต่เราสามารถมองย้อนกลับไปตอนนี้และเห็นว่ามันเป็นประตูไปสู่ยูทูบได้” ปาริชเชอร์อธิบายเพิ่มเติม

แม้ในตอนแรกไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรมากนัก แต่มิสเตอร์บีสต์ก็สร้างคอนเทนต์ของตัวเองมาเรื่อยๆ หลังจากเรียนจบมัธยมปลาย ก็เข้าเรียนต่อที่ Pitt Community College ซึ่งเขาก็ไม่ค่อยได้ไปเรียนสักเท่าไหร่ เพราะรู้สึกว่าเรียนรู้จากยูทูบได้เยอะกว่า (ถึงขั้นทะเลาะกับแม่และถูกไล่ออกจากบ้านเลยทีเดียว)

จนกระทั่งคลิปไวรัลสุดห่ามอันแรกที่ใช้เวลานานหลายสัปดาห์ในการทำ เขานั่งนับ 1-100,000 ในเดือนมกราคมปี 2017 นั่นแหละที่รายได้เริ่มเข้ามา และกลายเป็นจุดเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรคอนเทนต์แบบ Mr.Beast

คอนเทนต์แบบ Mr.Beast

สำหรับคนที่เคยดูวิดีโอของมิสเตอร์บีสต์จะเห็นว่าวิดีโอหลักของเขาเป็น ‘Long-Form Video’ หรือ คอนเทนต์แบบยาวประมาณ 20 นาทีซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งในยุคที่ผู้ชมเลือกเสพวิดีโอสั้นๆ มากขึ้นและพร้อมกด ‘ข้าม’ ผ่านคอนเทนต์ไปได้อย่างรวดเร็ว คอนเทนต์ของมิสเตอร์บีสต์ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก

ดูอย่างคลิปที่เขากับเพื่อนสนิทไปเที่ยวเกาะส่วนตัวที่ใช้เงินตั้งแต่ 1 เหรียญ - 250,000 เหรียญ (“$1 vs $250,000,000 Private Island!”) ที่มีคนเข้ามาชมกว่า 52 ล้านวิวภายในเวลา 24 ชั่วโมง

มากเป็นสองเท่าของคนที่ไปดูภาพยนตร์ร้อนแรงที่สุดแห่งปี 2023 อย่าง Barbie หรือ Oppenheimer ในช่วงสุดสัปดาห์เปิดตัว

วิดีโอที่ได้รับความนิยมสูงสุดบนช่องของเขาคือการสร้าง “Squid Game” โดยใช้คนจริงๆ จากสองปีก่อน ที่มีคนดูไปแล้วกว่า 575 ล้านวิว หากถามคนที่อายุมากกว่า 30 ปี หลายคนอาจจะไม่รู้จักเขา แต่ถ้าถามเด็กๆ หรือคนรุ่นใหม่ๆ เชื่อว่าเมื่อเอ่ยชื่อมิสเตอร์บีสต์ แทบทุกคนจะร้องอ๋อทันทีเลย

นิตยสาร Time อธิบายว่าวิดีโอของเขาคือ “สิ่งที่เด็กวัย 9 ขวบที่เต็มไปด้วยจินตนาการอยากลองทำหากมีเงินไม่อั้น”

เราจะเห็นเขาทุบรถยนต์แพงๆ เอาเงินมหาศาลมอบให้คนไร้บ้าน ซื้อซูเปอร์มาร์เก็ตแล้วให้คนไปใช้ชีวิตในนั้น หรือเอาชีวิตรอด 50 ชั่วโมงที่ทวีปแอนตาร์กติกา ฯลฯ

สิ่งเหล่านี้หลายคนอาจจะมองว่ามันเป็นเรื่อง ‘บ้าๆ’ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นการตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นที่อยู่ในตัวของเราว่า ‘หากเราทำ x อะไรจะเกิดขึ้น?’

เบลินดา ลุสคอมบ์ (Belinda Luscombe) ผู้สัมภาษณ์มิสเตอร์บีสต์บนนิตยสาร Time อธิบายว่า มิสเตอร์บีสต์สนใจเกี่ยวกับเรื่องอัลกอริทึมมาตั้งแต่สมัยเริ่มทำวิดีโอเลย

ในปี 2015 คุณครูอังกฤษและโค้ชบาสเกตบอลของเขาเล่าว่าครั้งหนึ่งมิสเตอร์บีสต์เคยออกมาพูดหน้าชั้นเรื่องของอัลกอริทึมวิดีโอ วิเคราะห์ว่า “คำพูดไหน” ที่ทำให้คนสนใจและดูวิดีโอมากกว่ากัน “ผมไม่รู้เลยว่าจะเด็กนักเรียนมัธยมปลายคนไหนในปี 2015 ที่รู้เรื่องนี้” คุณครูกล่าว

ซึ่งจากพื้นฐานตรงนั้น เขาก็เรียนรู้และเข้าใจอัลกอริทึมเบื้องหลังการทำงานของแพลตฟอร์มอย่างยูทูบมากขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ถือเป็นสูตรสำเร็จของวิดีโอเขาไปแล้ว

โดยให้ความสำคัญกับ 3 อย่าง

1. Thumbnail (ภาพปก) ต้องดึงดูด : เราจะเห็นภาพปกของวิดีโอที่สื่อสารได้อย่างชัดเจน น่าตื่นเต้น ดึงอารมณ์ ทำให้หยุดมอง อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง (เพราะอะไรสักอย่าง) ยิ้มอย่างมีเลศนัย ฯลฯ
2. 10 วินาทีแรก ต้องเอาให้อยู่ : ผู้ชมจะรู้ว่าคลิปนี้เกี่ยวกับอะไรภายใน 10 วินาที แต่เขาจะค่อยๆ เล่าจากจุดเริ่มต้นไปยังไคลแมกซ์
3. ใช้อารมณ์มากกว่าการวิเคราะห์ข้อมูล : มิสเตอร์บีสต์บอกว่า “ตอนนี้มันเป็นเหมือนว่า เราจะทำให้คนรู้สึกบางอย่างได้ยังไง? ถ้าคุณเห็นหน้าปกแล้วพูดว่า ‘ทำอย่างงั้นได้ไงอะ? เชี้ยยย? จริงเหรอวะ?’ ถ้าได้การตอบสนองแบบ 1 ใน 3 อย่างนี้ คุณมีคนคลิกแล้ว”

แม้รายได้ปีละ 25,000 ล้านบาท แต่ ‘ตอนนี้’ ยังไม่รวย

มาร์ค ฮุสท์เวดท์ (Marc Hustvedt) ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจของช่อง Mr.Beast บอกว่าด้วยจำนวนผู้ติดตามของมิสเตอร์บีสต์ที่มากมายขนาดนี้ ทำให้แบรนด์ไหนก็ตามที่อยากให้เขา ‘เอ่ยถึง’ (Shout-Out) ในวิดีโอ จะต้องจ่ายเงินประมาณ 2.5 - 3 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 100 ล้านบาท เลยทีเดียว (การใส่โฆษณาก็ค่าใช้จ่ายเท่าๆ กัน)

“วิดีโอแต่ละชิ้นก็สร้างรายได้ประมาณ 2-3 ล้านเหรียญจากโฆษณา 2-3 ล้านจากดีลกับแบรนด์” มิสเตอร์บีสต์บอกกับนิตยสาร Time

ถ้าตีว่า 1 ล้านเหรียญ = 35 ล้านบาท, เพราะฉะนั้นวิดีโอของเขาอันหนึ่งก็สร้างรายได้ประมาณ 200 ล้านบาท

ซึ่งรวมๆ แล้วปีหนึ่งเขาได้เงินกว่า 600 - 700 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 25,000 ล้านบาท

แต่ถึงแม้จะรายได้เยอะขนาดนั้น เขากลับบอกว่าตัวเองยังไม่ได้รวย (ในตอนนี้)

เงินตรงนี้ไม่ได้เข้าไปที่บัญชีส่วนตัวของเขาโดยตรง แต่จะเป็นบัญชีกลางของบริษัท แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ตัวมิสเตอร์บีสต์เองก็ไม่สามารถเข้าถึงบัญชีตรงนี้ได้ หากไม่ผ่าน CFO หรือคุยกับคุณแม่ของเขาก่อน

“ผมไม่สามารถเข้าถึงบัญชีไหนได้เลย ผมมี CFO และทุกอย่าง แต่ [แม่ของผม] คือคนที่เข้าถึงบัญชีหลักได้คนเดียว”

แล้วเงินตรงนี้ไปไหน?

มิสเตอร์บีสต์อธิบายว่ารายได้ที่เข้ามา จะถูกนำกลับไปสร้างแบรนด์ของตัวเองให้แข็งแกร่งมากขึ้น สร้างฐานผู้ชมใหม่ๆ “ผมเอาเงินทุกบาทกลับไปลงทุนอาจจะถึงขั้นที่คุณจะเรียกว่างี่เง่าก็ยังได้ แค่เชื่อว่าเราจะประสบความสำเร็จและมันก็เป็นมาได้ด้วยดีนะ”

แน่นอนครับว่าเราจะเห็นเงินเหล่านี้ถูกใช้ไปในการสร้างคอนเทนต์ต่างๆ มากมาย หลักแสนหลักล้านเหรียญ เพื่อจะสร้างวิดีโอคลิปยาว 15-20 นาทีสักตัวหนึ่ง

แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม แผนในตอนนี้คือต้องขยายอาณาจักรของตัวเองออกไปเรื่อยๆ ก่อน ไม่ว่าจะเป็นฝั่งคอนเทนต์เองหรือตัวผลิตภัณฑ์ที่สร้างขึ้นมาขายภายใต้แบรนด์ ‘feastables’ แล้ววันหนึ่งค่อยเก็บเกี่ยว

“ผมไม่ได้ใสซื่อนะ อาจจะสักวันหนึ่งแหละ [เรื่องรวย] แต่ตอนนี้ อะไรก็ตามที่เราหามาได้ เราก็เอากลับไปลงทุนทั้งหมดเลย”

เพราะสำหรับชายที่เป็น “คนที่มีคนดูเยอะที่สุดในโลก” สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาตอนนี้คือ “ผมอยากจะเป็นที่สุด อยากจะสร้างคอนเทนต์ที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้”