ในวงการกอล์ฟ ไม่มีใครไม่รู้จักไทเกอร์ วูดส์ (Tiger Woods) และไม่มีโลโก้ใดปรากฏเคียงข้างเขาบนสนามบ่อยและนานอย่างชัดเจนเท่าสัญลักษณ์ "สวูช" ของ Nike อีกแล้ว

ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาวูดส์สร้างรายได้จากการเป็นพาร์ตเนอร์กับ Nike ไปประมาณ 500 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 17,500 ล้านบาท

แต่ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา ทุกอย่างก็มีจุดสิ้นสุด

หลังจากการเป็นพาร์ตเนอร์ร่วมงานกันมาตลอด 27 ปี ระหว่างตำนานนักกอล์ฟ กับยักษ์ใหญ่แห่งวงการเสื้อผ้ากีฬา ได้ปิดฉากลงแล้วเมื่อปลายปี 2023

วูดส์ประกาศผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X เมื่อวันจันทร์ที่ 08/01/2024 ที่ผ่านมา บอกว่า

“แพสชันและวิสัยทัศน์ของ ฟิล ไนท์ (Phil Knight) ทำให้เกิดความร่วมมืออันยอดเยี่ยมนี้ระหว่างไนกี้และไนกี้ กอล์ฟขึ้นมา และผมอยากขอบคุณเขาเป็นการส่วนตัว พร้อมกับเหล่าพนักงานไนกี้ และนักกีฬาสุดยอดเยี่ยมทุกคนที่ผมมีโอกาสได้ร่วมงานด้วยตลอดเส้นทาง”

มาร์ค สไตน์เบิร์ก (Mark Steinberg) เอเยนต์คู่ใจของวูดส์ ยืนยันกับ CNBC ว่าการตัดสินใจครั้งนี้เป็นข้อตกลงทางธุรกิจ ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายยังดีต่อกันเหมือนเดิม

ข่าวคราวการแยกทางครั้งนี้ถูกพูดถึงกันมาหลายเดือน ทางด้าน Nike เองก็ออกมายืนยันข่าว ผ่านภาพถ่ายวูดส์ในชุดโปโลสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา พร้อมข้อความ "It was a hell of a round, Tiger” (มันคือประสบการณ์อันยอดเยี่ยมเลยไทเกอร์) บน Instagram

ในแถลงการณ์ Nike ระบุว่า "ตลอด 27 ปีที่ผ่านมา เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับ ไทเกอร์ วูดส์ นักกีฬาผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของโลก ตลอดเส้นทางความร่วมมือ เราและโลกได้เห็นแล้วไทเกอร์ไม่เพียงแต่จำกัดนิยามใหม่ของกีฬากอล์ฟเท่านั้น แต่เขาได้ทำลายอุปสรรคกีดขวางในทุกๆ กีฬาเลย เราเห็นเขาสร้างสถิติ ท้าทายขนบแนวคิด และสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนทั่วโลก เรารู้สึกซาบซึ้งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางนี้ เราขออวยพรให้เขาโชคดีในอนาคต”

แม้ตอนนี้ยังไม่มีบทสรุปว่าวูดส์จะมีสปอนเซอร์ใหม่รายใด แต่เขาโพสต์บนโซเชียลมีเดียว่า "จะมีบทต่อไปอย่างแน่นอน"

มีข่าวลือบอกว่าพาร์ตเนอร์ต่อไปอาจจะไปตกที่รองเท้า On Running แบรนด์รองเท้ากีฬาจากสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งโรเจอร์ เฟเดอเรอร์ (Roger Federer) ตำนานนักเทนนิส เคยย้ายมาร่วมงานหลังแยกทางกับไนกี้ในปี 2019 (ซึ่งตามรายงานบอกว่า เฟเดอเรอร์มีหุ้นอยู่ 8,505,688 หุ้น ตอนนี้ราคาหุ้นของ On Running (ONON) บน NYSE มีราคาที่ 28 เหรียญ/หุ้น = 238 ล้านเหรียญหรือราวๆ 8,300 ล้านบาท)

พอมีข่าวหุ้นของ On Running ก็เด้งขึ้นไปเกือบ 7% เลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม มาร์ค เมาเรอร์ (Marc Maurer) ผู้ร่วมก่อตั้ง On Running ออกมาปฏิเสธข่าวลือนี้ "เราก็ได้ยินข่าวลือ มันน่าสนใจเสมอว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เราหวังว่าไทเกอร์จะหาพาร์ตเนอร์ใหม่ที่ยอดเยี่ยม แต่นั่นไม่ใช่เรา"

TaylorMade ผู้ผลิตไม้กอล์ฟ ซึ่งวูดส์ (ตอนนี้อายุ 48 ปี แล้ว) ใช้มาตั้งแต่ปี 2017 ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก ทว่า ทางบริษัทชี้แจงว่า ความสัมพันธ์ระหว่างวูดส์กับพวกเขาก็เป็นเพียงเรื่องของอุปกรณ์กีฬาที่ใช้เท่านั้น และไม่มีความเห็นเพิ่มเติม

ไบรอัน ยาร์โบรห์ (Brian Yarbrough) นักวิเคราะห์ที่มีความรู้เกี่ยวกับแบรนด์ Nike จาก Edward Jones (บริษัทที่ให้บริการทางการเงินและการลงทุน) กล่าวว่า ข่าวนี้ไม่น่าส่งผลกระทบรุนแรงกับแบรนด์ เนื่องจากข่าวลือการแยกทางวนเวียนมานานแล้ว "เรายังคงเชื่อมั่นว่า Nike มีสปอนเซอร์เป็นนักกีฬาชื่อดังระดับโลกมากมาย และแนวโน้มนี้จะคงต่อไป"

อีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจคือช่วงหลายปีที่ผ่านมา Nike ดูเหมือนจะให้น้ำหนักความสำคัญของกีฬากอล์ฟน้อยลงเรื่อยๆ เนื่องจากไม่ได้เป็นตลาดที่ทำกำไรมาก อันที่จริงในปี 2016 บริษัทยักษ์ใหญ่จากโอเรกอนแห่งนี้ประกาศยกเลิกผลิตอุปกรณ์กอล์ฟทั้งหมดแล้วด้วย

เอริก สมอลวูด (Eric Smallwood) ผู้ก่อตั้ง Apex Marketing (บริษัทผู้ให้คำปรึกษาด้านแบรนด์และการตลาด) ประเมินว่า เมื่อวูดส์ลงแข่ง 4 รอบ (แบบ 18 หลุม) จะสามารถสร้างมูลค่าการโฆษณา (มีคนมองเห็นโลโก้และรับรู้แบรนด์) เป็นมูลค่าระหว่าง 2-4 ล้านเหรียญ

ตอนที่วูดส์สลับรองเท้าจาก Nike ไปเป็น FootJoy ในการแข่งขัน Masters ปี 2023 (เพราะเพิ่งเข้ารับการผ่าตัดและต้องการรองเท้าที่ยืนได้มั่นคงกว่าเดิม แม้ตอนนั้นสัญญากับ Nike ยังไม่หมด) เขาก็สร้างมูลค่าโฆษณาให้แบรนด์รองเท้าคู่ใหม่ถึง 3.2 ล้านเหรียญ

สมอลวูด ยังชี้ว่า วูดส์ สร้างมูลค่าโฆษณาให้ Nike มากกว่า เลอบรอน เจมส์ (LeBron James) เสียอีก เนื่องจากกอล์ฟเป็นกีฬาที่ใช้เวลาแข่งขันนานกว่าบาสเกตบอลและ "นักกอล์ฟมีอายุการทำงานที่ยาวนานกว่า" ด้วย

การแยกทางกันครั้งนี้ อาจเป็นจุดสิ้นสุดของยุคสมัย แต่ก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นบทใหม่สำหรับวูดส์ เขาอาจใช้โอกาสนี้สร้างแบรนด์ของตัวเอง หรือจับมือกับสปอนเซอร์รายใหม่ที่พร้อมสนับสนุนเขาในเส้นทางที่เหลือของอาชีพนักกอล์ฟ แต่การหาสปอนเซอร์รายใหม่ เนื่องจากอายุและอาการบาดเจ็บของเขาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

การแยกทางกันครั้งนี้ อาจเป็นสัญญาณว่า Nike กำลังปรับกลยุทธ์การตลาด เน้นไปที่กีฬาที่มีผู้ชมและแฟนคลับจำนวนมากขึ้นรึเปล่า หรือ วูดส์ อาจต้องการเผชิญความท้าทายอื่นๆ ด้วย (ซึ่งตอนนี้ถ้าแบรนด์กีฬาอื่นๆ ดึงนักกอล์ฟดาวรุ่งมาเป็นพาร์ตเนอร์ก็จะสร้างความน่าสนใจได้ไม่น้อย)

การแยกทางกันระหว่าง ไทเกอร์ วูดส์ กับ Nike ปิดฉากตำนานบทหนึ่งของวงการกีฬากอล์ฟ อนาคตจะเป็นอย่างไร ยังไม่มีใครทราบ แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ ไทเกอร์ วูดส์ จะยังคงเป็นตำนานที่ยากจะลบเลือนในวงการกอล์ฟ และเรื่องราวของเขายังคงเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนทั่วโลกอย่างแน่นอน

เหมือนอย่างที่เขาเคยพูดเอาไว้ว่า

“สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับพรุ่งนี้คือผมจะดีขึ้นมากกว่าวันนี้ จะเป็นนักกอล์ฟที่ดีขึ้น คนที่ดีขึ้น พ่อที่ดีขึ้น สามีที่ดีขึ้น และเพื่อนที่ดีขึ้น นั่นแหละคือความสวยงามของวันพรุ่งนี้”