ขณะที่เขียนบทความนี้ ผมกับครอบครัวกำลังเตรียมตัวเดินทางไปฮ่องกงในช่วงสิ้นเดือนมีนาคมหลังจากที่ไม่ได้ไปมานานหลายปีเพราะการระบาดของโควิด-19

ต้องบอกก่อนว่าเราเป็นครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวย แต่เราเป็นครอบครัวที่รักการเดินทาง

ปกติแล้วผมกับภรรยาจะตั้งเป้าว่าปีหนึ่งอยากเดินทางไปไหนบ้าง ค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่ หลังจากนั้นก็ช่วยกันเก็บเงินที่เหลือจากลงทุนและค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในแต่ละเดือนเอาไว้ พอได้เงินจำนวนหนึ่งก็หาดีลตั๋วเครื่องบินราคาดี ๆ แล้วก็เดินทางไปด้วยกันสามคนพ่อแม่ลูก

เงินที่ไปเที่ยวในแต่ละครั้งนั้นแม้อาจจะไม่ได้มาก แต่แน่นอนถ้ามองย้อนกลับไปหลาย ๆ ปีรวมกันแล้วก็ไม่น้อยเหมือนกัน ซึ่งสำหรับคนที่เป็นนักวิเคราะห์ตัวเลขก็อาจจะมองว่าผมเอาเงินไปใช้โดยไม่ได้ทำให้มันก่อให้เกิดประโยชน์เลย นี่ถ้าเอาไปลงทุนป่านนี้รวยกว่านี้แล้ว

ดูในเชิงหลักการก็น่าจะเป็นอย่างนั้น บางทีผมก็คิดแบบนั้น

แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ความคิดนั้นโผล่เข้ามา ผมหยุดแล้วกลับมาถามและเตือนตัวเองว่า ‘การเก็บเงินเพียงเพื่อจะได้มีเงินนั้นไม่ใช่เป้าหมายของตัวเอง’ ผมไม่ใช่คนสุรุ่ยสุร่าย ไม่ดื่มเหล้า ไม่เล่นการพนัน ไม่สูบบุหรี่ ไม่ชอบเที่ยวกลางคืน จะซื้ออะไรผมคิดอย่างน้อย ๆ อย่างน้อย 5-6 ตลบ ไม่ได้ใช้ชีวิตหรูหรา ไม่มีหนี้สิน ของสองอย่างในชีวิตที่ใช้เงินมากที่สุดในแต่ละเดือนคือกินอาหารอร่อยและหนังสือดี ๆ แค่นั้น นอกนั้นชีวิตก็มีความสุขง่าย ๆ การดูหนัง ซีรีส์สนุก ๆ วิ่งออกกำลัง และใช้เวลากับครอบครัว

ใช้เงินเพื่อเติมเต็มความสุขได้ยังไง?

โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าตัวเองมีความรับผิดชอบทางการเงินในระดับหนึ่ง ลงทุนมาตั้งแต่อายุยี่สิบกลาง ๆ ลองผิดลองถูก แต่ก็ลงทุนมาเรื่อย ๆ มีเงินเก็บเป็นก้อน และที่เหลือก็จะเก็บเงินไว้เดินทางอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นในมุมมองของผมแล้วเงินถือเป็นเครื่องมือเพื่อใช้สร้างความสุขและการเติมเต็มในชีวิตมากกว่าเป้าหมายในตัวของมันเอง

แต่ยังไงก็ตามอย่างที่เราทุกคนทราบดี ‘ความสุข’ ของแต่ละคนแตกต่างกัน ซึ่งสำหรับตัวผมโชคดีที่มันไม่ได้ยุ่งยากอะไรมากนัก สุขตอนที่ได้เดินทางกับครอบครัว สุขที่เวลาเงียบ ๆ อย่างหนังสือ สุขที่ได้ออกไปรดน้ำต้นไม้ ไปวิ่งที่สวน สุขเมื่อรู้สึกสงบและได้ทำงานที่ตัวเองรัก

แล้วผมจะใช้เงินเพื่อสร้างความสุขและความรู้สึกเติมเต็มแบบนี้ให้มากที่สุดได้ยังไงล่ะ?

ทุกอย่างไม่ได้มาฟรี ๆ และต้องมีการแลกเปลี่ยนเสมอ

เมื่อความสุขของผมคือความรู้สึกสงบ ได้ท่องเที่ยวเดินทาง อยู่กับครอบครัว เพราะฉะนั้นสิ่งที่จำเป็นมาก ๆ ที่สุดคือการเก็บเงินให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สร้างรายได้หลาย ๆ ทางและแน่นอนครับไม่สร้างหนี้ (หากไม่จำเป็น) ไม่ได้หมายความว่าต้องอยู่อย่างอด ๆ อยาก ๆ นะครับ เพียงแต่รู้ว่าความสุขของตัวเองคืออะไร ก็เก็บเงินเพื่อใช้มันกับความสุขตรงนั้นให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ความรู้สึกเติมเต็มจากการได้ทำงานที่ตัวเองรัก ไม่ว่าเราจะเป็นใคร ผมเชื่อว่าทุกคนมีอยากทำงานที่มีความหมายต่อตัวเอง ต่อสังคมและคนรอบข้าง งานสามารถนำความรู้สึกเติมเต็มมาให้ได้ ถ้าเราเข้าใจว่าเราทำงาน ‘ทำไม’

โชคดีอีกเช่นกันที่ผมได้ทำงานที่ตัวเองรัก เขียนหนังสือ เขียนบทความ และทำงานด้านสื่อต่าง ๆ และก็โชคดีอีกนั่นแหละที่มันก็สร้างรายได้เพียงพอสำหรับความสุขและความเติมเต็มในชีวิตเล็ก ๆ ที่ดำเนินอยู่

ฟังแล้วอาจจะดูปลงกับชีวิต ไม่อยากได้ไม่อยากมี ที่จริงแล้วไม่ใช่นะครับ แน่นอนว่าความอยากได้อยากมี เห็นคนอื่นมีนั่นมีนี่แล้วก็อยากมีเหมือนเขา แต่ผมยอมแลกความหรูหราในชีวิต แลกเงินที่จะซื้อของดี ๆ รถดี ๆ เสื้อผ้าดี ๆ ฯลฯ เพื่อนำไปซื้อความสุขที่เติมเต็มชีวิต เพราะสำหรับผมความสุขระยะยาวอย่างประสบการณ์เดินทางกับครอบครัว ความทรงจำดี ๆ หรือ ความรู้สึกที่ไม่เครียดกังวล เงินขาดเงินช็อตนั้นมีค่ามากกว่าความสุขระยะสั้นมากนัก

เราเก็บเงินให้เพียงพอต่อความจำเป็น การวางแผนการเงินเป็นเรื่องที่สำคัญ เราไม่มีทางสุขภาพแข็งแรงไปตลอดชีวิต และไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะฉะนั้นเงินสำรองต้องมาเป็นอันดับแรก ต่อจากนั้นก็เป็นการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ หมั่นตรวจสอบและเติมเงินเข้าไป สุดท้ายที่เหลือค่อยเก็บเงินไปซื้อสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข

เงินเป็นเครื่องมือ มันซื้อความสุขได้ แต่คุณต้องเข้าใจความสุขที่แท้จริงของตัวเองก่อนด้วย