Latest Posts
2 เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จด้านการเงิน
ในหนังสือ “The Psychology of Money” (แปลไทยโดยสำนักพิมพ์ Live Rich ชื่อ “จิตวิทยาว่าด้วยเงิน”) เขียนโดย มอร์แกน เฮาเซิล (Morgan Housel) ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินอธิบายเอาไว้ว่ามีสองเหตุผลที่ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จทางด้านการเงิน
‘ร้านนี้ห่วยแตก’ แต่คนกลับไปรอแ*กเพียบเลย : เข้าใจเหตุผลทางจิตวิทยาว่าทำไมรีวิวแย่ ๆ กลับช่วยส่งเสริมยอดขายให้ดีขึ้นได้
เมื่อหลายเดือนก่อนมีดราม่าร้านข้าวแกงกะหรี่ร้านหนึ่งในเชียงใหม่เกิดขึ้น เจ้าของโพสต์บอกว่า “รสชาติ 10 บริการ 0” แล้วหลังจากนั้นก็อธิบายเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้ฟัง ปิดท้ายบอกว่านี่มันไม่ใช่อินดี้แล้วแต่ร้านไม่มี Service Mind มากกว่า ลูกค้าไม่ใช่พระเจ้า แต่ก็ไม่ใช่แม่พระ จ่ายเงินนะไม่ได้ไปขอทานฟรี
จริงมั้ย? คนรุ่นใหม่ รวยยากกว่า รุ่นพ่อแม่ เพราะโตมากับเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย และไม่ชอบทำงานหนักเพื่อแลกกับเงิน
เดี๋ยวนี้ เวลาเลื่อนฟีดดู เห็นแต่ บรรดาคนดัง, เถ้าแก่น้อย, อินฟลูเรนเซอร์, ยูทูบเบอร์ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคนหนุ่มสาว โพสต์โชว์การใช้ชีวิตโก้หรู ดูดี มีบ้านหลายสิบล้าน มีรถสปอร์ตขับ ไปเที่ยวต่างประเทศ เต็มไปหมด!!
กลัวการเป็น “หนี้” ไม่อยากกู้ ไม่อยากยืม รู้จัก Debt Phobia อาการคนกลัวหนี้
ขึ้นชื่อว่า “หนี้” เชื่อว่าหลายคน ไม่อยากมี!! ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากอยู่ให้ห่าง กลัวจะกระทบกับเงินในกระเป๋า จนสูญเสียสภาพคล่อง ทำเอาชักหน้าไม่ถึงหลัง
‘ประหยัดสุดขีด จนรู้สึกผิดเมื่อใช้เงิน’ คู่รัก FIRE วัย 50 มีความมั่งคั่ง 150 ล้านบาท แต่กลับไม่กล้าใช้เงินเพื่อซื้อความสุข
การใช้เงินอย่างประหยัดเป็นเรื่องที่ดี แต่การประหยัดทุกบาททุกสตางค์ในระยะยาวอาจจะเหนื่อยเกินไปสักหน่อย ดูตัวอย่างของ มินดี้ (Mindy) กับ คาร์ล (Carl) คู่รักวัย 50 เก็บเงินตามแนวคิด FIRE (Financial Indepedence, Retire Early) ตั้งแต่เริ่มทำงาน เก็บเงินอย่างหนัก ไม่ใช้ไม่จ่าย ประหยัดทุกบาท
กำไรเพราะฉันเก่ง ขาดทุนก็ตลาดมันห่วย หลักคิด “ฉันคือข้อยกเว้น” ที่เป็นอุปสรรคความก้าวหน้าในชีวิต
ในโลกการลงทุนบ่อยครั้งเราเป็นแม่ทัพคนนี้บ่อยกว่าที่คิด คุยโวเสมอเวลาได้กำไร บอกว่า วางแผนมาก่อน แต่พอขาดทุนเราก็บอกว่าช่วงนี้เศรษฐกิจมันห่วย ซื้ออะไรก็ตกหมด ในบางมุมมันก็อาจจะจริงอยู่บ้าง แต่บ่อยครั้งเราจะตกเป็นเหยื่อของ ‘อคติของความมั่นใจมากเกินไป’ (Overconfidence bias)
ยิ่งเสี่ยงบ่อยอาจจะยิ่งเสียหายกว่าที่ต้องการ ‘ตรรกะวิบัติของจำนวนมหาศาล’ เข้าใจผิดคิดว่า ถ้า ‘พนันบ่อยมากพอ’ จะชดเชยโอกาสที่จะเสียเงินได้
เพื่อนๆเคยได้ยิน Samuelson’s Bet ไหมครับ? สำหรับคนที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน Samuelson’s Bet นั้นมาจากการเล่าของ Paul Samuelson นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ถึงประสบการณ์ตอนที่เขาทำงานที่ MIT
ยิ่งจนมาก ยิ่งเสี่ยงมากขึ้น : ทำไมความสูญเสียทำให้เรายอมเสี่ยงมากขึ้นเพื่อแลกกับโอกาสอันน้อยนิดที่จะได้ผลตอบแทน?
ผมเชื่อว่าเกือบทุกๆคนน่าจะเคยได้ยินคำว่า “Loss Aversion” หรือการที่ “คนเราเสียใจกับการสูญเสีย มากกว่าดีใจกับการได้รับ” ใช่ไหมครับ?
“’ผู้เชี่ยวชาญ’ บอกว่า…” หายนะการลงทุนที่เกิดจากความไม่รู้แต่ดันไปเชื่อคนที่ดูมีความรู้ น่าเชื่อถือและมีอำนาจ
คนเรามักจะทำตามคนที่เราเชื่อว่ามีอำนาจอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะในภาวะที่มีความเสี่ยง หรือไม่แน่นอนเกิดขึ้น อาจจะเพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่รู้ หรือรู้น้อยกว่า นี่คือสิ่งที่เรียกว่า “Authority Bias”
ให้เงินมากขึ้น ผลงานกลับได้น้อยลง เพราะอะไรโบนัสก้อนโตจึงใช้ไม่ได้ผล (เสมอไป)
“ถ้าทำตามที่ซ้อมมา เราน่าจะได้ทุนก้อน 1.5 ล้านไปทำธุรกิจอย่างที่วางแผนเอาไว้” ความคิดนี้วนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้งระหว่างที่ผมเดินวนไปวนมาที่หน้าห้องประชุมใหญ่พร้อมกับเพื่อนผู้ร่วมก่อตั้งธุรกิจ แม้ทุกคนจะพูดบอกว่า “ทำตัวสบาย ๆ เราเตรียมตัวมาดีแล้ว” แต่แรงกดดันที่อยู่บนบ่าก็หนักอึ้งอย่างบอกไม่ถูก
มีเงินไม่ได้ ต้องใช้ต้องจ่าย ภาวะทางจิต “Oniomania” ที่ใช้เงินเพื่อเยียวยาความเครียดและวิตกกังวล สังเกตยังไง?และแก้ไขยังไงได้บ้าง?
บทความนี้เราจะมาดูกันครับว่าพฤติกรรมของคนที่อยู่ในภาวะ “Oniomania” เป็นยังไง ลักษณะอาการและสาเหตุของโรค ทำไมมันถึงเกิดขึ้นบ่อยในตอนนี้มากกว่าในอดีต และคำแนะนำจากนักบำบัดและนักจิตวิทยาเกี่ยวกับเรื่องนี้ต้องทำยังไงบ้าง?
‘สมองนี่แหละตัวดี’ 3 เหตุผลที่ทำให้นักลงทุนล้มเหลว ที่ Tony Robbins ไลฟ์โค้ชชื่อดังเรียนรู้จากการสัมภาษณ์นักลงทุนระดับโลก
เมื่อพูดถึงการลงทุนรอบบินส์คอยย้ำเสมอว่าสิ่งที่เขาได้ยินจากนักลงุทนที่ประสบความสำเร็จอยู่เป็นประจำคือนักลงทุนที่ล้มเหลวส่วนใหญ่เป็นเหตุผลทางจิตวิทยาทั้งสิ้น พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือว่าสมองตัวดีของเรานี่แหละที่เป็นตัวขัดขวางไม่ให้เราไปถึงเป้าหมายทางการเงินที่เราตั้งเอาไว้